บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ทำไม หมอยังงมงายเชื่อเรื่องผี





เรื่องนี้ มี 2 กระทู้พัวพันกัน  กระทู้แรกชื่อ “อาชีพหมอ เขากลัวผีกันไหมคะ เห็นในหนังเหมือนหมอไม่ค่อยจะกลัวหรือเจอผีเลย”  เนื้อหาเป็นดังนี้

มีใครเป็นหมอบ้างอยากทราบว่ากลัวผีไหม เชื่อเรื่องวิญญาณไหม เพราะดูหนัง ดูละครส่วนใหญ่หมอจะไม่ค่อยกลัวผี

อีกอย่างหมอในเรื่องผี มักจะไม่ค่อยเจอผีหลอกเท่าไร แปลกดี หรือผีไม่กล้าหลอกหมอ

มีหมอท่านหนึ่ง ท่านยอมรับสารภาพโดยหน้าชื่นตาบานว่า “กลัวผี” เข้าไปตอบดังนี้

กลัวค่ะ บอกเลย 555

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จัก ก็กลัวๆ กันทั้งนั้น สมัยอยู่หอถ้าเล่าเรื่องผีขึ้นมาทีไร ตกดึกต้องไปนอนรวมๆ กัน

อันนี้มีเรื่องเล่าที่ได้ยินจากผู้อยู่ในเหตุการณ์นะคะ

มีคนไข้เด็กรายนึงรับต่อมาจากรพ.อื่น เด็กเป็นปอดอักเสบรุนแรงมาก

ต้องเข้า ICU ใช้เครื่องช่วยหายใจและให้ยาที่ทำให้สลบตลอดเวลา (เพราะถ้าตื่นอาจจะต้านเครื่องแล้วปอดแตกได้)

เด็กคนนี้อาการหนักมาก และมีช่วงนึงที่ทุกคนรวมถึงอาจารย์คิดว่าเด็กคงไม่รอดแล้ว
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์เด็กคนนี้ก็รอดอย่างปาฏิหารย์

หลังเด็กฟื้นตัวดี ย้ายลงไปอยู่วอร์ดธรรมดา มีวันนึงเด็กบอกแม่ว่า ช่วงที่เค้าหลับอยู่

เค้าฝันว่ามีเด็กหัวโล้นๆ หลายคนมาชวนไปเล่นด้วย แต่เค้าบอกว่าไม่ไป จะอยู่กับแม่

แม่เด็กร้องไห้โฮเลย รีบวิ่งมาบอกพยาบาลไอซียู เค้าบอกว่าดีใจมากที่ลูกไม่ไปเล่นกับเด็กที่มาชวน

สำหรับหมอ/พยาบาล เด็กหัวโล้นคือภาพของเด็กที่ให้เคมีบำบัด

ซึ่งเด็กโรคมะเร็งก็คือคนไข้กลุ่มใหญ่ที่ต้องเข้าไอซียูและหลายๆ คนก็เสียชีวิตในนั้น

เด็กที่เล่าเป็นเด็กแข็งแรงดีมาก่อน และเด็กก็ไม่รู้สติตั้งแต่ก่อนเข้ารพ.เสียอีก

ที่เห็นเด็กหัวโล้นๆ จึงไม่น่าเป็นเพราะติดภาพในรพ.ที่เคยเห็นประจำ เรื่องนี้ทำให้เชื่อเลยว่าเรื่องพวกนี้มีจริง

เด็กคนนี้อยู่ในขั้นตรีทูตนานมาก ชวนให้เราคิดไปเองว่า ตอนที่เขาฝันเห็นเด็กกลุ่มนั้นมาชวน
อาจเป็นช่วงที่เค้าจะอยู่หรือจะไป อะไรประมาณนั้น

อีกเรื่องคือ มีคนไข้เด็ก 2 คนนอนเตียงตรงข้ามกัน ทั้งคู่อยู่รพ.นานหลายเดือน จนมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตไป

หลังจากนั้นไม่กี่คืน ขณะแพทย์เวร 2 คนกำลังพยายามเจาะเลือดเด็กคนที่ยังอยู่ เจ้าคนไข้ซึ่งอายุไม่ถึง 2 ขวบ

ก็พูดชื่อเด็กที่ตายไป (เป็นชื่ออิสลาม ซึ่งไม่ซ้ำกับเด็กอื่นๆ) แพทย์เวรก็เริ่มขนลุกนิดๆ แต่ไอ้ตัวเล็กก็ไม่หยุดเรียก

แถมมองไปเตียงตรงข้าม + ทำหน้าพยักเพยิด แพทย์เวรวิ่งกันกระเจิง ต้องทำใจอยู่นานถึงจะกล้าเดินไปเจาะเลือดใหม่

อันนี้แสดงว่าไม่ได้มีแต่เรา แต่หมอคนอื่นก็กลัวเหมือนกัน

มีคนอ่านท่านหนึ่ง  งงว่าทำไมหมอซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไปตั้งกระทู้ถามว่า “อ่านกระทู้แล้วงง หมอเป็นคนเรียนเก่งน่าจะมีเหตุผลแต่ทำไมยังงมงายเชื่อเรื่องผี สิ่งลี้ลับอยู่เลย ?

เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ ดังนี้

คือ คนในหว้ากอแม้มีหลากหลายอาชีพ แต่เสียงส่วนใหญ่มีเหตุผล เชื่อในสิ่งที่เป็น scientific evidence-based

สามารถอธิบายธรรมชาติของสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุผล  ปฎิเสธสิ่งงมงาย เรื่องเหนือธรรมชาติ

แต่อ่านกระทู้แล้วงง

อาชีพหมอ เขากลัวผีกันไหมคะ เห็นในหนังเหมือนหมอไม่ค่อยจะกลัวหรือเจอผีเลย

http://pantip.com/topic/33122798

หมอเป็นคนเรียนเก่งน่าจะมีเหตุผลแต่ทำไมยังงมงายเชื่อเรื่องผี สิ่งลี้ลับอยู่เลย ?

มีคนมาให้ความคิดเห็นกันมากมาย  แต่ขี้เกียจยกมา ผมขอฟันธงตอบเลย ดังนี้

1-  คนตั้งกระทู้ที่หาว่าหมองมงาย มันนั่นแหละ “งมงาย” ยิ่งกว่าใคร  แต่มันเสือกนึกว่ามันฉลาด

คนจำพวกนี้ มัน “งมงายในวิทยาศาสตร์แบบงี่เง่า”  ผมไม่ได้หมายถึงว่า วิทยาศาสตร์มันงี่เง่า แต่คนที่ไปเชื่อวิทยาศาสตร์ เช่น คนตั้งกระทู้นั่นแหละ มันงี่เง่าเอง

วิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน ท่านเชื่อผิดๆ ว่า “สิ่งที่มีจริง ต้องสัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5”  พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ  “สิ่งที่มีจริงต้องเห็นได้”  คำว่า “เห็นได้” หมายถึงว่า ต้องเอาพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ด้วย 

ที่นี้ คุณผีๆ ทั้งหลายนั้น  ท่านนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป มันจึงเอาไปพิสูจน์ในแบบวิทยาศาสตร์ไม่ได้

ปัจจุบันนี้ วิทยาศาสตร์เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เป็นยุคของฟิสิกส์ใหม่  ยุคของฟิสิกส์ใหม่ ก็นับตั้งแต่ไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ  ประมาณ ค.ศ. 1905

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “ความจริงของนิวตัน” มันไม่จริงที่สุด  ยังมีความจริงที่ “จริง” กว่านั้น  ความรู้บางอย่างในสมัยนิวตันผิดเสียด้วยซ้ำไป

ขอยกตัวอย่างเรื่อง “สสารมืด”  ผมได้เขียนบล็อกไว้แล้ว ไปติดตามอ่านได้  ในส่วนนี้ ขอยกมาสั้นๆ ว่า  สสารมืดมีอยู่จริง แต่เราก็ไม่เห็น และมีอยู่ประมาณร้อยละ 95 

พูดง่ายๆ  ของที่เราเห็น เราสัมผัสได้นั้นมีเพียง ร้อยละ 5  เท่านั้น  ดังนั้น ถ้ายึดความเชื่อของฟิสิกส์ใหม่  ผีก็น่าจะมีจริงได้

2- พูดกันทางสาขาสังคมวิทยา และสาขาภาษาศาสตร์

“ผี” มันต้องมีจริงๆ  เพราะ ไม่อย่างนั้น ศัพท์คำว่า “ผี” จะมีขึ้นได้อย่าง  นอกจากนั้นแล้ว ทุกเชื้อชาติในโลกนี้ ก็มีเคยมีประสบการณ์เห็นผีมาก่อนทั้งนั้น

พูดง่ายๆ ว่า คนทั้งโลกส่วนใหญ่เชื่อว่า ผีมีจริง  จะมีไม่เชื่อก็ไอ้พวก “งมงายในวิทยาศาสตร์แบบงี่เง่า”  นี่แหละ

ผมเองในฐานะที่เรียนมาทางมนุษยศาสตร์ คือ จบ ป. ตรี ภาษาไทย  วิทยาศาสตร์ จบ ป. โท ภาษาศาสตร์  และปรัชญา ตอนเรียนปริญญาเอก  ผมพบว่า ความรู้ที่เราเรียนมาทั้งหมด มันไม่ตอบปัญหาได้ทั้งหมด

เรื่อง “ผี” นั้น  ไม่มีเรียนในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย  หมอเขาเรียนมาจากประสบการณ์ เรื่องเล่า ฯลฯ  เขาจะเชื่อเรื่องผีด้วย  เป็นหมอที่ดีด้วย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น