บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

คนหนีผี


ก่อนจะอ่านเรื่องนี้ ควรไปอ่านเรื่อง “คนขวางผี” เสียก่อน

เหตุการณ์นี้เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ผมลดความกลัวผีลงไปได้เยอะ  ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวผีเลย มันก็จะไม่ตรงกับความเป็นจริงนัก

ผีนั้น ผมไม่กลัวจริงๆ แต่มันก็หวาดๆ อยู่เหมือนกันบางที บางเวลา อย่าง

เหตุการณ์หนีผีครั้งนี้  อายุของผมตอนนั้น น่าจะประมาณ 7-8 ขวบ  ก็ประมาณปี พ.ศ. 2505-2506  เพลงผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุมกำลังดัง

ตลาดบรมธาตุนั้น ทั้งตลาดเป็นที่ของวัดพระบรมธาตุ (วรวิหาร)  ทุกบ้าน ทุกหลังคาเรือนจึงต้องเช่าที่ของวัดอยู่ 

เมื่อมีการสร้างประตูน้ำบรมธาตุ  ที่ส่วนหนึ่งจึงกลายเป็นที่ของหลวง หรือที่ของชลประทาน  ตลาดบรมธาตุนั้น อยู่คั่นกลางระหว่างวัดพระบรมธาตุกับประตูน้ำบรมธาตุ

ประตูน้ำบรมธาตุนี้ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันนัก  ไม่เหมือนกับเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักกันดี โดยเฉพาะคนภาคกลาง  

ประตูน้ำบรมธาตุอยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นมาประมาณ 4 กิโลเมตร 

การสร้างประตูน้ำบรมธาตุขึ้นมาก็เพื่อเสริมงานของเขื่อนเจ้าพระยานั่นแหละ  รุ่นนั้นสร้างประตูน้ำขึ้นมาหลายแห่ง เช่น ประตูน้ำมโนรมย์ เป็นต้น

ขอให้ลองสร้างภาพในใจว่า เมื่อเขื่อนเจ้าพระยากั้นแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยาก็จะมีระดับสูงขึ้น 

รัฐบาลก็จะต้องสร้างคลองทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้น้ำไหลไปยังพื้นที่นา ทั้งภาคกลาง  ปากคลองทั้งหลายก็จะต้องมีประตูน้ำเกิดขึ้น  เพื่อควบคุมการไหลของน้ำ และระดับน้ำ

ประตูน้ำบรมธาตุนั้น ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมน้ำอย่างเดียว ยังทำหน้าที่เป็นประตูที่เรือโดยสารที่มาจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปที่ปลายทางคือ จังหวัดอุทัยธานีอีกด้วย

ตอนผมเป็นเด็กนั้น  มีอยู่สายเดียวแล้ว เราเรียกว่า “เรือสีเลือดหมู

ตอนเกิดเหตุการณ์นี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า บ้านของผมอยู่ติดกับกำแพงวัด  ที่ต้องย้ำกันอย่างนี้ก็เป็นเพราะว่า แม่ของผมย้ายบ้านหลายครั้งมาก 

บ้านสุดท้ายที่มั่นคงก็คือ บ้านที่ผมเดินเข้าไปขวางผีนั่นแหละ  เท่าที่ผมจำได้ แม่ย้ายบ้านถึง 4 ครั้ง จนกว่าจะไปสร้างบ้าน 2 ชั้น  

ในยุคหลังเพลงผู้ใหญ่ลี ที่ขึ้นว่า “พ.ศ. 2504  ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม” นี้ ตลาดของผมไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีบ้านไหนมีโทรทัศน์  อย่างดีที่สุดก็คือ วิทยุ

แต่เขื่อนบรมธาตุซึ่งเป็นสถานที่ราชการ มีไฟฟ้าใช้แล้ว และมีโทรทัศน์ให้ดูด้วย   ดังนั้น คนในตลาดก็ต้องไปดูโทรทัศน์บนเขื่อน

เรียกว่า ไปดูกันทั้งหมู่บ้าน

คืนนั้น ก็เป็นไปตามปกติ คือ คนในตลาดก็ไปดูโทรทัศน์กัน  ถ้าจำไม่ผิด มีหนังผีเรื่อง “ไอ้พุ่ม” อยู่ด้วย  สถานีก็คือ ช่อง 4 บางขุนพรหม

คนที่เขาดูโทรทัศน์ เขารู้จักเวล่ำเวลาของเขา คือ ถึงเวลาเขาก็กลับไป กลับไปเป็นพวกๆ ที่ต้องกลับเป็นพวกๆ กลุ่มๆ เพราะ กลัวผีกันนั่นแหละ

ผมเป็นเด็กที่ไม่ค่อยกลัวผี และแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลนัก น้องก็หลายคน จึงปล่อยผมตามสบาย อย่างอิสระเสรี จะไปก็ไป 

ผมก็ดูโทรทัศน์ไปเรื่อย ใครจะกลับก่อนก็กลับไป หนังกำลังมัน

หนังผีเรื่องไอ้พุ่มจบ เหลือผมกับยาม 2 คน  ยามเขาไม่ไปไหนเพราะเป็นยาม  โทรทัศน์เขาก็มีไว้ให้ยามดู แต่ผมต้องกลับบ้าน

เพิ่งดูหนังผีจบ แล้วผมก็ต้องเดินกลับบ้านคนเดียวมืดๆ อายุประมาณ 7-8 ขวบ เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้น  ผมนี่ใจถึงเกินเด็กธรรมดาจริงๆ

ตามปกติ ผมไม่กลัวผีเท่าไหร่ แต่เพิ่งดูหนังผีจบ และเดินกลับบ้านคนเดียว มันก็ชักหวาดๆ เหมือนกัน

เขื่อนบรมธาตุกับตลาดบรมธาตุที่ผมอยู่นั้น มีรั้วกั้นระหว่างกัน เป็นรั้วลวดหนาม และมีประตูปิดเปิดเพื่อให้คนผ่านได้

คนบนเขื่อนต้องมาซื้อของกินของใช้ในตลาดบรมธาตุ

บ้านที่ติดกับทางเดินที่จะเข้าตลาด เป็นบ้านของ “ตาไหว”  ตาไหวเป็นตำรวจเก่า ลาออกมาขายกาแฟ  ขายเหล้า รวมถึงขายหวยเถื่อนด้วย

เมื่อผ่านประตูรั้วมาแล้ว เข้าเขตตลาด ด้านซ้ายมือเป็นบ้านตาไหว  ด้านขวามือเป็นบ้านของยายไอ้ตง  ไอ้ตงก็เป็นเพื่อนกัน

ที่ผนังบ้านของย้ายไอ้ตงที่อยู่ติดทางเดินที่ผมจะผ่านไปนั้น 

ผมเห็นผีมันนั่งอยู่ 

พอเห็นปั๊บ ผมก็รู้ทันทีว่า มันต้องเป็นผีแน่ๆ  บ้านอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร  ผมก็ใช้วิชาโกยหน้าตั้ง วิ่งเปิดแน่บแล้ว

ผมเป็นคนที่แปลกอย่างหนึ่งคือ มีเรื่องตกใจอย่างไร ผมไม่ค่อยร้องออกมา ขนาดเห็นผี แล้วก็กลัวจนออกวิ่งหนีแล้ว 

ผมก็ยังวิ่งของผมไปเงียบๆ คือ ไม่แหกปากร้องตะโกนออกมา  แต่เสียงวิ่งก็คงจะมีบ้าง..

ผมต้องวิ่งเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าบ้านตาไหวไป  ผ่านต้นโพธิ์ใหญ่มาก  ต้นโพธิ์ต้นนี้ ผมเคยมาอาศัยนอนใต้ต้นโพธิ์อยู่บ่อยๆ ตอนยุคที่ชอบหนีออกจากบ้าน

ไม่รู้ใครมาตัดกิ่งต้นโพธิ์ทิ้งไว้กลางถนน ขณะที่วิ่งออกตัวที่เร็วที่สุดของกำลังขา หน้าแข้งผมก็สะดุดกับกิ่งต้นโพธิ์ที่คนมาตัดทิ้งไว้

ถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืน ผมก็ยังนึกภาพออก ตัวผมลอยไปไกลมาก หน้าอกกระแทกดินอย่างแรง ตอน landing ลงมา

ถ้าเป็นการล้มธรรมดาๆ ในภาคกลางวัน  ผมคงจะนอนจุกอยู่พักหนึ่ง  แต่คราวนี้ มันไม่ธรรมดา ความจุกไม่มาเยือน  ผมลุกขึ้นอย่างเร็ว วิ่งต่อ

เหตุการณ์การไปถึงบ้านอย่างไร เข้านอนอย่างไร ผมจำไม่ได้แล้ว 

ตื่นเช้าขึ้นมา  ผมยังสงสัยว่า ไอ้ผีตัวไหน ไม่มีอะไรทำ ไปนั่งอยู่ริมทาง จนกระทั่งทำให้ประวัติการไม่กลัวผีของผม ต้องมัวหมองไปเหตุการณ์หนึ่ง

ผมก็ลุกไปดูแต่เช้า

ไอ้ผีที่ผมเห็นนั่งอยู่นั้น  มันไม่ใช่ผี  แต่เป็นตาไหวแกเอาไหไปเรียงไว้  ไหมี 2 ไห ตาไหวไม่เรียงให้ติดกัน แต่แกเรียงซ้อนกัน

ดูตอนกลางคืน หลังจากดูหนังผีมาแล้ว และเดินกลับบ้านคนเดียว ผมจึงเห็นเป็นผีนั่งอยู่

หลังจากนั้นมา ผมยังใช้ชีวิตหนีออกจากบ้าน และเดินคนเดียวๆ มืดๆ ดึกๆ อีกหลายสิบครั้ง

เมื่อเห็นอะไรเป็นผี  ผมไม่เคยวิ่งอย่างคราวนั้นอีกเลย ผมจะจ้องดูทุกครั้ง  และทุกครั้งที่จ้องดู ผมก็พบว่า เป็นสิ่งอื่นๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผี

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น