ในบทความ
“พระอหิวาตกโรค”
ผมได้เขียนภาพรวมคร่าวๆ เกี่ยวกับพระห่าๆ รูปหนึ่ง
ที่ก่อความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของพุทธศาสนิกชนอย่างที่ไม่ควรจะเป็นพระ
ในบทความ
“อลัชชีปราชิก”
ผมได้ยกตัวอย่างการอวดอุตริมนุษยธรรมของอลัชชีรูปนี้ และได้ยืนยันไปแล้วว่
พระรูปนี้ น่าจะปราชิกไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว
ต่อไปก็ข้อความอันโกหกพกลมของอลัชชีปราชิกท่านนี้
ข้อความนี้
ท่านได้เอ่ยบอกกับแม่และครอบครัวของเราว่า..พ่อของผมที่ท่านพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี
2554 นั้นคือการตายสละชีวิตแทนลูกชายคนกลาง คือตัวของผมเอง
ขอยืนยันว่า
นี่ก็คือการโกหกพกลมประการหนึ่ง
ผมนี่ค่อนข้างจะสนิทสนมกับคนตายพอสมควร
ชวนไปเรียนวิชาด้วยกัน ท่านก็ไป สัมภาษณ์ท่านเมื่อตายไปแล้วท่านก็ให้สัมภาษณ์ ช่วยคนที่ตายไปแล้ว มาก็มาก
ขอยืนยันว่า
“การตายแทนกันเป็นไปไม่ได้” ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์กันขนาดไหน สามี-ภรรยา
พ่อแม่-ลูก ฯลฯ
การตายเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวจริงๆ
คนดี
เป็นคนของธรรมะภาคขาว ทำงานให้กับธาตุธรรมภาคขาวอย่างก้าวหน้า
มารมันต้องการให้ตายก่อนกำหนดของอายุ
มารมันก็ทำไม่ได้
คนชั่ว
เป็นคนของธรรมะภาคดำ ทำงานให้กับธาตุธรรมภาคดำอย่างก้าวหน้า ธาตุธรรมฝ่ายดีต้องการให้ตายก่อนกำหนดของอายุ ท่านก็ทำไม่ได้
ข้อความนี้
คุณพ่อยังไม่รู้ตัวว่าตนตายแล้ว และตอนนี้ต้องการจะให้ลูกชายคือตัวผมติดตามไปอยู่ด้วย..คือลูกชาย
(ตัวผม) จะได้ประสบกับอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต
ขอยืนยันว่า
นี่ก็คือการโกหกพกลมอีกประการหนึ่ง
คนที่ตายไปแล้วนั้น
ในระยะแรกท่านจะไปอยู่กับกายเนื้อของท่าน
ถ้าเป็นการตายตามปรกติ กล่าวคือ มีการนำศพไปวัด ท่านก็จะไปอยู่แถวๆ นั้น
พอมีญาติ
มีเพื่อนเข้ามา ท่านก็จะไปทักทาย
เมื่อเพื่อนกับญาติไม่ตอบ หรือไม่สื่อสารกลับมา ท่านก็จะไม่เข้าใจว่า
ทำไมเพื่อนกับญาติถึงไม่ตอบ
คนตายไปแล้ว
จะไม่มีระบบคิดด้วยเหตุผลเหมือนคนเป็น เพราะ มันสมองใช้ไม่ได้แล้ว คนตายจึงจะรู้แค่
“จริง” หรือ “เท็จ”
ไม่สามารถที่จะใช้ระบบเหตุผลเพื่อไปหาความรู้ได้อย่างมนุษย์
แต่ภายใน
7 วัน ท่านก็จะรู้ว่าท่านตายไปแล้ว
ไม่ใช่ตายไปเป็นปี ยังไม่รู้ว่าตาย อย่างนี้ อลัชชีปราชิกมั่วนิ่มไปแล้ว
นอกจากนั้น
การที่จะกำหนดให้คนอื่นตายตามตัวเองไป ก็มีเฉพาะในหนังผีเท่านั้น
ชีวิตจริงไม่มีแบบนี้
ผีนั้น
ไม่ได้มีอำนาจวาสนาหนา หรือมีฤทธิ์มีเดชที่จะทำอะไรได้ ตามที่สร้างกันในหนัง แค่เอาร่างกายของตนให้คนเห็นนั้น ก็ต้องใช้พลังหรือบุญบารมีมหาศาลแล้ว
การแสดงร่างให้คนดูครั้งหนึ่ง
ต้องเสียบุญ เสียบารมี ดังนั้น ผีที่มีเหตุผล
เขาจึงเลือกแล้วเลือกอีกที่จะให้ใครเห็นเขา เพราะ เห็นแล้ววิ่งหนีไปเลย
ในขณะที่ผีต้องการให้คนนั้น แผ่ส่วนบุญให้ ก็ถือว่า “เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า”
ผีตนนั้น
อาจจะต้องไปทนทุกข์ทรมานเพราะใช้บุญบารมีอย่างไม่เข้าท่า
อย่างไรก็ดี
อย่างนี้มีข้อยกเว้นเหมือนกัน คือ ผีที่มันอยู่ในอบายภูมิมานาน
ทนทุกข์ทรมาณอยู่นานแล้ว ไอ้พวกนี้
บางทีมันมาหลอกหลอนมนุษย์ได้จริงๆ เพราะ
มันโสตายอยู่แล้ว จัดเป็นพวก “เดนผี” ได้
ดังนั้น
การที่ผีจะมาเอาชีวิตคน แล้วบอกด้วยว่า “จะตายด้วยสาเหตุใด” นั้น ในกรณีที่เล่ากันอยู่นี้
จะตายด้วยอุบัติเหตุ
จึงไม่ใช่เรื่องจริง อลัชชีปราชิกผู้นี้
โกหกอย่างเดียว
ข้อความนี้
โดยคุณพ่อได้ให้เหตุผลกับพระภิกษุรูปนี้ว่า ต้องการลดภาระครอบครัวให้กับคุณแม่..เพราะตอนนี้มีพี่ชาย
ผม และน้องสาว คุณพ่อเกรงว่าจะเป็นภาระการเลี้ยงดูของแม่...
อลัชชีปราชิกผู้นี้
มันก็โคตรงี่เง่าจริงๆ ถ้าเป็นห่วงกันจริง
มาเข้าฝันบอกหวยสักงวดสองงวดไม่ดีกว่าหรือ
จะมาเอาชีวิตลูกไปทำไม
จะโกหกทั้งที ก็โกหกแบบโง่ๆ...
-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น