บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ผีอำ หรือ Sleep Paralysis


มีคนไปเล่าเรื่อง “แชร์ประสบการณ์ Sleep Paralysis หรือ ผีอำ? ไว้ในห้องเรื่องเล่าสยองขวัญของพันธุ์ทิพย์ไว้ดังนี้

เราเป็นคนหนึ่ง ที่มีเซ้นส์เรื่องแบบนี้ค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตก็เจอมาค่อนข้างบ่อย แม้จะไม่เคยเจอแบบมาหลอกตรงๆ แลบลิ้นปลิ้นตา และสิ่งที่โดนบ่อยที่สุดก็คือ โดนผีอำ

ขอย้อนเรื่องในวัยเด็กนิดนึง

เราเป็นคนที่ชอบเห็น ชอบได้ยิน หรือได้กลิ่นอะไรแปลกๆ มาตลอดค่ะ มาแบบฝันก็เยอะ แต่บางทีก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นวิญญาณหรือเป็นอะไรกันแน่

เรื่องแรกที่จำได้ ตอนนั้นเราอายุ 4-5 ขวบ กำลังนอนเล่นอยู่กลางบ้าน บ้านเราหลังเล็กๆ ห้องครัวติดกับห้องนั่งเล่น

ครัวที่บ้านหลังนั้น นอกจากประตูทางเข้าแล้ว จะมีช่องตัดเหมือนเป็นหน้าต่างอยู่ ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกมองเห็นในครัวได้

เรานอนอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังสะลึมสะลือ จู่ๆ ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างมาจากทางห้องครัว เราเลยหันไปมอง

เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาประหลาดๆ มองอยู่ เราจำรายละเอียดได้ไม่ชัดนะคะ รู้แต่ว่าหน้าเค้าไม่ปกติอ่ะ

เค้ายิ้มและโบกมือให้เรา ตอนนั้นคงเด็กเกินไปเลยไม่กลัว ก็หันหน้าหนีแบบง่วงๆ พอหันไปมองอีกทีก็ไม่อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ก็มักได้ยินเสียงแปลกๆ อยู่เป็นประจำ บางทีตอนดึกๆ ทุกคนนอนอยู่ชั้น 2 หมด เราก็จะได้ยินเสียงเหมือนมีใครอยู่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ เสียงเดิน

ครั้งแรก ที่ได้ยินนึกว่าโจรขึ้นบ้าน รีบปลุกพ่อแม่ พ่อลุกลงไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร เลยบอกว่าเราคงฝันไปเอง

คนอื่นไม่ได้ยินอะไรเลย ขณะที่เราได้ยินบ่อยมาก แต่แปลกที่เราได้ยินอยู่คนเดียว

จนย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ คือบ้านหลังปัจจุบัน (หลังนี้ เรื่องเยอะอยู่เหมือนกัน เจอคนเดียวอีกตามเคย แต่ไว้เล่าวันหลัง)

เราได้ยินเรื่องคนโดนผีอำมาเรื่อยๆ ทุกคนจะเล่าตรงกันว่า เห็นเงาดำๆ มาทับ หายใจไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ และเหมือนจะหายได้ด้วยการสวดมนต์ เราก็รู้สึกโชคดีที่ไม่เคยโดนกับตัว

มาโดนครั้งแรกตอนอยู่ ม. ต้นค่ะ

ตอนนั้น คือตื่นมาแล้วรู้สึกหนักที่ขาสองข้าง อย่างอื่นไม่เป็นไรนะ แต่ขาเหมือนมีของหนักมาทับ ขยับไม่ได้เลย

เวลานอนเราเปิดโคมไฟไว้ ก็เลยมองไปที่ขาตัวเอง เห็นเหมือนมีอะไรมาบังตาอยู่ เหมือนมองแต่มองไม่เห็น

ตอนนั้น คิดบทสวดมนต์ขึ้นมาเลย ตอนแรกก็อรหังสัมมาฯ มันก็ยังไม่หาย แต่รู้สึกเหมือนความหนักมันลามมาถึงท่อนบน จนมาทับที่อก  เราอยากจะร้องไห้ คิดว่าตัวเองจะตายแล้ว

ตอนนั้น หลับตานึกภาพพระพุทธรูปวาบมาเลย แล้วก็สวดนะโมฯ แปบเดียวเท่านั้น อยู่ๆ ทุกอย่างก็หายไปหมดเลย

จากครั้งนั้น ทำเรานอนไม่หลับไปหลายคืนทีเดียว และแปลกที่มักจะโดนช่วงเวลาห่างกันพอควร เหมือนพอเราลืมๆ ไปแล้ว หายกลัวแล้ว ก็จะโดนใหม่ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ

เราเคยพยายามเปลี่ยนท่านอน จากเป็นคนชอบนอนหงาย ก็เปลี่ยนไปนอนตะแคง กะว่า ทีนี้ก็ทับอกชั้นไม่ได้ละ หึๆๆ ที่ไหนได้ แย่กว่าเดิมซะอีก

เคยโดนใครนั่งทับสีข้างมั้ยคะ รู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ เจ็บ บางทีทับทั้งแขนเลย บางทีมาแบบเหมือนมีคนนอนซ้อนอยู่ข้างหลังแล้วกอดตัวเราไว้อ่ะ คือสยองกว่าเดิมร้อยเท่า

ไม่ไหวๆ เปลี่ยนท่าดีกว่า นอนคว่ำซะเลยละกัน

ปรากฏว่า อันนี้หนักสุดละ คือมาแบบให้เรารู้เลยว่า ชั้นเป็นผีนะ นอนๆ อยู่แบบยังไม่หลับด้วยนะ

แค่หลับตานับแกะอยู่ ก็รู้สึกหนัก หายใจไม่ออก คือนอนคว่ำอยู่ด้วยนี่ยิ่งรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศตายเลย เหมือนโดนกดทั้งตัวลงกับที่นอน

ทุกครั้ง ที่โดนผีอำ เราจะสวดมนต์และนึกตามเป็นภาษาไทย ซึ่งพบว่าเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด แบบระลึกตามคำแปลบทสวดน่ะค่ะ

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ชอบแล้ว สักพักก็จะหาย

แต่ครั้งนี้ เป็นครั้งที่โดนหนักที่สุด คือเหมือนแรงกดทับผ่อนลงเรื่อยๆ แต่ไม่หายสักที จนเรารู้สึกว่าแรงที่กดทั้งร่างกายไว้มันไปรวมอยู่ที่จุดเดียวคือ ที่แผ่นหลังของเรา

และแรงนั้น เป็นแรงมือสองข้าง รู้สึกได้ถึงนิ้วมือทั้งสิบแบบชัดเจนมาก

ทุกวันนี้นอนหงาย กับตะแคงค่ะ ไม่เอาแล้วนอนคว่ำ แต่ช่วงหลายปีให้หลังมานี้ไม่ค่อยโดนผีอำแล้ว

ซึ่งเรามีความเชื่อส่วนตัวว่า คุณตาเราที่เสียไป และเราเชิญอัฐิมาไว้ที่บ้าน คงคอยดูแลอยู่ เรื่องแปลกๆ ที่เราเจอในบ้านเลยแทบจะหมดไป กับคุณตานี่

เราก็เป็นคนเดียวในครอบครัวเลยที่ฝันถึงท่าน ฝันแม่นด้วยแหละ

ต่อมา เราอ่านเจอว่าปรากฏการณ์นี้ มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์อยู่ เรียกว่า Sleep Paralysis เป็นการที่ร่างกายยังอยู่ในภาวะหลับอยู่ ทำให้ขยับตัวไม่ได้ ในขณะที่สมองตื่น

มันเลยทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโดนทับ เราเหมือนโล่งอก (หรือหลอกตัวเองไม่รู้) ว่ามันไม่ใช่ผี มันคือวิทยาศาสตร์ มันอธิบายได้!

แต่เรื่องมันอยู่ที่ เราเคยเป็น sleep paralysis ขึ้นมาจริงๆ แล้วมันต่างกับความรู้สึกตอนโดนผีอำอย่างสิ้นเชิง

ตอนที่เป็น sleep paralysis ความรู้สึกคือ ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ บางทีก็ลืมตาไม่ได้ แต่เหมือนข้างในมันตื่นแล้วและพยายามจะลูก แต่ไม่มีความรู้สึกว่าถูกแรงอะไรกดทับ ไม่รู้สึกกลัว

บางทีเป็นๆ อยู่ก็หลับต่อได้เลย แต่เวลาโดนผีอำ ทุกครั้งจะกลัวมาก และรู้แต่ว่าต้องตื่นให้ได้ นอนต่อไม่ได้เด็ดขาด

ใช่ว่าตอนเป็น sleep paralysis ไม่มีอะไรมากวนเสมอไปนะคะ

ครั้งหนึ่งตอนเป็นอยู่ เรารู้ตัวว่าไม่ใช่ผีอำ และไม่รู้สึกกลัว นอนๆ อยู่ได้ยินเสียงเด็ก มากกว่า 1 คนวิ่งเล่นอยู่

ฟังไม่ออกว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่มีมากกว่า 1 แน่นอน และเป็นเสียงที่ใกล้ตัวมากๆ

ตอนนั้น ข้างบ้านเรามีลูกเล็กๆ สองคนที่ชอบมาเล่นบ้านเรา เราเลยคิดว่าเป็นสองลิงนี่แหละ แต่งงๆหน่อยว่า ปกติจะอยู่แต่ชั้นล่าง

ทำไมวันนี้ขึ้นมาเล่นข้างบน แถมเข้ามาในห้องเรานอนอยู่ด้วย

เราก็ไม่คิดอะไรมาก กะว่าถ้าเด็กๆ เห็นเรานอนอยู่คงกลับไปเอง ปรากฏว่า ไม่กลับไม่พอ เสียงยังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และที่เด็ดสุดคือ มากระโดดเล่นบนเตียงเรา

รู้สึกได้เลยว่าเตียงมันเด้งๆ ได้ยินเสียงโดดชัดเจน แถมยังหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เราพยายามจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น

ตอนนั้นคิดแต่ว่า ตื่นมาเมื่อไหร่จะจับตีก้นซะเลย เด็กอะไรเนี่ย แต่พอตื่นมา แม่บอกว่าข้างบ้านเค้าไปต่างจังหวัดกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เราหน้าซีดไปเลย

เหตุการณ์ได้ยินเสียงเด็กๆ นี่ไม่บ่อย มีมานานๆ ครั้ง และเราก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ คิดว่าเค้าคงอยากมาเล่นด้วยเฉยๆ

แต่การที่เคยเป็นมาทั้งสองแบบ มันทำให้เราแน่ใจว่า มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เพราะประสบการณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เลยอยากทราบว่า มีใครที่มีประสบการณ์เหมือนเราบ้างมั้ย มาแชร์ประสบการณ์กัน

ขออนุญาตแท็กห้องหว้ากอด้วยนะคะ เผื่อใครอธิบายสิ่งที่เราเจอได้

ปล. เหตุการณ์ที่เล่าไม่เรียงลำดับเวลานะคะ เคยเป็น sleep paralysis ประมาณ 4-5 ครั้งได้ แต่ผีอำนี่โดนบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนละ เป็นทุกครั้งก็กลัวทุกครั้ง แถมแต่ละครั้งไม่เคยมาเหมือนกันเลย มีมุขใหม่ตลอด

ปล2. แถมให้ว่า พ่อเราเป็นลูกชายคนที่เจ็ด ส่วนปู่ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยถาม เลยไม่รู้ว่าพ่อเป็นลูกชายคนที่เจ็ดของลูกชายคนที่เจ็ดรึเปล่า

แต่พ่อเราก็ไม่เคยเล่าให้ฟังนะว่าเจออะไรแปลกๆ มีเราเจออยู่คนเดียวทั้งบ้าน

เรื่องนี้น่าสนใจที่ว่า คนเขียนเคยเป็นทั้งผีอำ และ Sleep Paralysis  เรื่องผีอำนั้น เป็นเรื่องจริง  ผมเองก็โดนกับตัวมา  2  ครั้ง

ขอบอกว่า “ผีอำ” กับ “ผีเข้า” นั้นคนละเรื่องกัน 

“ผีอำ” นั้น ผีจะมาแกล้งคน ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ยังไม่สามารถจับผีมาถามได้อย่างจะจะ สักทีหนึ่ง  

ส่วนผีเข้านั้น  เป็นการผีเอา “เห็น-จำ-คิด-รู้” หรือใจของผี  มาซ้อนทับกับ “เห็น-จำ-คิด-รู้” หรือใจของคน 

ผีจึงสามารถ “ควบคุม” ใจของคนได้  สามารถทำอะไรตามใจผีได้

เรื่องนี้ ผมเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวว่า  ถ้าบังเอิญมีผู้ชายไป “ขึ้นหา” ผู้หญิงคนที่เล่านี้  ท่านจะแยกออกหรือเปล่าว่า ไอ้นั่นมันคน ไม่ใช่ผี


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น