บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิญญาณมีจริงหรือ


มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน กระทู้นั้นชื่อ “วิญญาณมีจริงหรือ???

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

ผู้หญิงวัยกลางคนได้ตัดสินใจผูกคอตาย เพราะหนีปัญหาเรื่องเงินกู้รายวัน

ก่อนตาย ผู้ตายได้ไปหลบหนีอยู่บ้านเพื่อน และได้สั่งเสียไว้หลายอย่าง
1. ไปนำศพของตนไปเผาที่วัดของอีกหมู่บ้านนึง
2. ขอข้าวจากบ้านเพื่อนไปงานศพ เพื่อเลี้ยงแขก 1 กระสอบ
3. ให้นำเงินเหรียญห้า ใส่เป็นเงินปากผีให้ตน

แต่เพื่อนของผู้ตายไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะคิดว่า พูดเล่นคลายเครียด

ช่วงสาย ๆ ผู้ตายได้เดินกลับบ้าน ไปขอข้าวบ้านเพื่อนอีกคนนึงทาน พอทานเสร็จก็ได้พูดกล่าวคุณเพื่อน ทั้งน้ำตา

พอกินข้าวเสร็จ ผู้ตายได้เดินกลับไปบ้าน เพราะสามีของตนได้ออกไปทำงานแล้ว (สามีเป็นเจ้าหน้าที่ราชการสรรพามิต) และได้นำหลานไปตัดผมด้วย

ช่วงนี้ หลังจากไม่มีใครอยู่บ้าน ผู้ตายกลับมาบ้าน และใช้เชือกแบนสีเขียว (เชือกทหารของลูก ลูกเพิ่งปลดทหารออกมา) ผูกกับขื่อห้องน้ำ และด้วยว่า ขื่อห้องน้ำก็ไม่ได้อยู่สูงมาก

แต่ผู้ตายก็ใช้วิธีนั่งยอง ๆ คล้าย ๆ ท่าถอนสายบัวของผู้หญิง รวบผมเรียบร้อยทุกอย่าง ตัดสินใจฆ่าตัวเองตายในวันนั้น และไม่มีใครเข้ามาเห็น

ในช่วงก่อนเที่ยง สามีของผู้ตาย ได้กลับเข้ามาบ้าน เพื่อนำหลานมาส่งที่บ้าน แต่เห็นว่าบ้านล็อคอยู่ จึงไม่ได้แวะเข้ามา

แต่กลับเที่ยวถามหาภรรยาของตนในบ้านเพื่อน ๆ แต่ไม่มีใครเห็น และได้ฝากหลานไว้กับเพื่อนบ้าน

แต่ในขณะที่ขับรถกลับมา สามีผู้ตายรู้สึกปวดฉี่ จึงขอไว้ฉี่ที่บ้าน และเห็นว่าบ้านล็อก จึงใช้กุญแจที่ตนมีอยู่ เปิดเข้าไปฉี่ในบ้าน และเห็นภาพที่ ภรรยาของตน ผูกคอตาย

ในตัวของผู้ตาย มีจดหมาย 1 ฉบับที่เขียนไว้ให้ลกชายคนเล็ก (มีใจความว่า แม่มันเลว เลว เลว แม่ขอโทษ)

หลังจากนำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเสร็จ และนำศพกับมาประกอบพิธีตามศาสนา

ผมเป็นคนนึงที่ไปช่วยหามศพเข้ามาในศาลา (บ้านผู้ตาย อยู่ห่างจากบ้านผมประมาณ 50 เมตร) สภาพของผู้ตาย คือ ลิ้นจุกปาก สีม่วงเข้ม ที่คอ มีรอยเชือกรัดจนเนื้อเขียวช้ำ

ที่สำคัญ คิ้วของผู้ตาย ขมวด ตาหลับไม่สนิท เหมือนคนมีห่วง กังวล

ลูกชายเดินทางกลับมาจาก กรุงเทพ เข้ามาไหว้ศพแม่ หลังจากนั้น รอยคิ้วที่ขมวด ตาที่หลับไมสนิท กลับ หายไป คิ้วไม่ขมวด ตาหลับสนิท

และงานศพของผู้ตาย ได้จัดขึ้น อย่างสมเกียรติ เพราะสามีของผู้ตาย เป็นหัวหน้างานสรรพสามิต

ในช่วงที่ผู้ตาย ตายนั้น อยู่ในช่วงเดือน พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ในงานศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความวังเวง บางวันมีไฟดับ บางวัน ก็ฟ้าผ่า ซึ่งน่ากลัวมาก

ซึ่งภายในระหว่างที่มีงานบำเพ็ญศพนั้น เพื่อนๆ ของผู้ตายต่างก็มีคนเห็นวิญญาณของผู้ตาย เร่รอน ไปบ้านเพื่อนคนโน่น คนนี้

หลังจากเผาศพเสร็จแล้ว ผู้ตายได้มาเข้าฝัน แม่ของผม

บอกว่า "ตนเองยังไม่ได้ไปเกิด ถ้าจะไปเกิด จะไปเกิดกับเด็กชื่อหรั่ง และบอกว่า ตนเองอยากทำบุญ และเขียน เลข 11 ไว้ที่พื้นดิน"

แม่ของผมมาซื้อตาม ปรากฏว่า ถูกจริง และได้ทำบุญอุทิศไปให้ หลังจากนั้น แม่ของผมก็ไม่เคยฝันเห็นผู้ตายอีกเลย

และภายในบ้านของผู้ตาย ซึ่งมี พี่สาวกลับมาอยู่เป็นเพื่อนของสามีผู้ตาย ทุกวันพระ

พี่สาวผู้ตาย จะรู้สึก เหมือนมีคนมาเดินตัดหน้า ตัดหลัง จึงได้พูดขึ้นไปว่า "เออ เดียวกูจะทำบุญไปให้"

และล่าสุด ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดที่ได้นำศพไปเผา ได้มาบอกเล่าว่า เห็นวิญญาณของผู้ตาย มีร้องไห้ คร่ำครวญอยู่ข้างๆ เมรุ จึงได้เล่าให้ญาติโยมฟัง

แล้วนำมาบอกให้สามีทราบ เพื่อจะได้มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา
# ตอนนี้สามีได้แต่งงานใหม่แล้ว แล้วไปสร้างบ้านอยู่กับภรรยาใหม่
# บ้านที่ผู้ตายอาศัยอยู่ มีลูกชายคนโต กลับมาอยู่แทน
# ผู้ตาย เป็นคนอัธยาศัยดี เผื่อแผ่ ชอบทำบุญ แต่โดนเพื่อนหลอกให้กู้เงินรายวัน
# สามีซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าสรรพามิตในตัวอำเภอ ตามชำระหนี้ ให้หลายครั้ง แต่ผู้ตาย ก็ยังไม่ละเลิก ซึ่งน่าจะโดนเพื่อนหลอกปั่นหัว
# เรื่องน่าเศร้ามากครับ เพื่อนๆ ญาติพี่น้อง รวมถึงผม ไม่คิดว่าผู้ตาย ตายไป คิดว่าไปทำงานอยู่ที่อื่น ย้ายบ้าน เพราะ ผูกพันกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจาก มโนวิญญาณหรือป่าวครับ (นึกคิดไปเอง)

เรื่องที่เล่านั้น มีประเด็นที่อธิบายได้ในทางวิชาธรรมกายหลายอย่าง เช่น การผูกคอตายแบบขาถึงพื้นนี้ ทำไมถึงตายกันได้ เพราะ ผู้ตายแค่ยืนขึ้นก็ไม่ตายแล้ว

แต่ขอวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของคนในกระทู้นี้กันก่อน

ความคิดเห็นแรกเลย คือ ความคิดเห็นนี้

ไม่มีหรอก  ถ้ามีขอหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์

คนจำพวกนี้มีเยอะ ล้วนแต่สมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น  เพราะ วิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็น “ความจริง” ที่เหนือกว่าองค์ความรู้อื่นๆ

พวกนี้ต้องถามคำถามอย่างนี้
- ทำไมจะต้องเอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ในเรื่องนี้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผี หรือเรื่องในศาสนาพุทธ
- ปรกติแล้วในทางวิชาการ ในการให้ความเห็นหรืออะไรก็ตาม คนที่ให้ต้อง “เชี่ยวชาญ” ในสาขานั้นๆ ถึงจะได้รับการยอมรับ 
วิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญในเรื่องผี หรือเรื่องศาสนาหรือไม่

พวกสมองหมา ปัญญาควายดังกล่าว มักจะชอบโจมตีพวกเชื่อเรื่องผี หรือเรื่องลึกลับต่างๆ ว่า “งมงาย”  อันที่จริงแล้ว พวกสมองหมา ปัญญาควายเหล่านั้น มันก็งมงาย คือ “งมงายในวิทยาศาสตร์”

ความคิดเห็นต่อไปนี้ สนับสนุนว่า “วิญญาณมีจริง”

...งั้นเราเล่าเรื่องที่เราเจอมามั่งเรื่องผ่านมาหลายปีแล้วแหล๊ะ

มีตำรวจแถวบ้านที่รู้จักกันโดนคนค้ายาบ้ายิงตาย ตำรวจที่ตายเป็นคนโคราช แต่ไม่ใด้เอาศพกลับบ้าน เอาศพมาใว้ที่วัดที่เราไปทำบุญประจำ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกับผู้ตาย เราก็เลยไปช่วยงานทุกวัน

ศพเอาใว้ 7 วันเพราะต้องรอพระราชทานเพลิงศพ เราไปตั้งแต่ตื่นนอนแล้วก็กลับบ้านประมาณ 5 ทุ่มทุกวัน เราไม่เคยฝันเห็นคนตายเลยนะ มีวันนั้นประมาณบ่ายโมง เรานั่งคุยกับแม่และญาติของผู้ตาย คุยไปคุบมาเราก็หลับ อยู่หน้าโลงศพแหละ นอนหลับบนโซฟา ตอนที่เราหลับก็เหมือนไม่ใด้หลับ

ตำรวจคนนั้นก็เดินมานั่งอยู่กับพื้น แล้วแกก็คุยกับเรา คือคุยกันเหมือนคนธรรมดาคุยกัน แล้วแกบอกว่าผมต้องไปแล้วนะ ผมคงไม่ใด้มาหาพี่อีกแล้ว แกพูดหลายอย่างแต่ที่จำได้ก็ประมาณนี้ พอแกจะไปจริงๆ แกบอกว่า พี่ซื้อหวยด้วยเน้อ เราก็บอกแกว่า พี่ไม่เล่นหวยซื้อก็ไม่ถูกหรอก แล้วแกก็เลยบอกให้ซื้อเลข 2 ตัว จำไม่ใด้ว่าเลขอะไรเพราะมันนานแล้ว แล้วแกก็หายไป

เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่มีใครอยู่ในศาลาซักคน มีเราอยู่กับศพ บรรยากาศน่ากลัวมาก เรารีบวิ่งมาทางโรงครัว เจอแม่ครัวกำลังทำกับข้าว แม่และญาติของตำรวจก็พากันนั่งคุยกัน

เราก็เลยต่อว่า ทำไมปล่อยหนูใว้คนเดียว แม่แกบอกก็เห็นว่าเหนื่อยเลยอยากให้พักผ่อน

ซักหน่อยมีคนมาหายหวย พวกแม่ครัวและญาติตำรวจก็พากันซื้อ เราก็เลยซื้อมั่ง ซื้อตัวละ 20 บ.เพราะเราไม่ชอบเล่นหวยก็เลยซื้อไม่เย๊อะ พอวันหวยออกเจ้ามือหวยเอาเงินมาให้

เรายังไม่รู้ตัวว่าถูกหวย เจ้ามือหวยเลยถามว่าไปเอาหวยมาจากไหน

เราก็เลยเล่าให้เขาฟัง ปรากฏว่าเราโดนคนทั้งอำเภอบ่นให้ ว่าคนตายมาบอกหวยก็ไม่บอกคนอื่นมั่ง

นี่เป็นประสบการณ์จริงที่เราเจอมากับตัวเองจริง กลางวันแสกๆด้วยนะ...

มาดูความคิดเห็นที่ สนับสนุนว่า “วิญญาณมีจริง” กันอีก 1 ความคิดเห็น

ของแบบนี้ถ้าคนไม่เคยเจอ คงจะไม่รู้เนอะ นานานจิตตัง ส่วนตัว เคยเจอค่ะ แต่ไม่บ่อย มันจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เราสามารถจูนเค้าติด แล้วเค้าจะมาให้เห็น หรือได้ยินเป็นเสียง

ที่ว่าจูนติดนี่ คล้ายกับคลื่นวิทยุเลยค่ะ เหมือนกระแสจิตเรากับวิญญาณตรงกัน ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มันจะขึ้นมาเอง บางทีคุยกับใคร เค้าก็หาว่าเราบ้านะ แต่เราเป็นคนมีสัมผัสพวกนี้อยู่บ้าง แต่ไม่มาก เลยเห็นไม่บ่อย เหมือนคนที่เค้านั่งวิปัสนา กรรมฐานบ่อยๆ จนจิตนิ่งก็จะเห็นเอง

ที่เคยเจอ จะเห็นวิญญาณยายค่ะ และได้ยินเสียงยาย ตอนช่วงที่แกเสียชีวิตแล้ว จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงสอบกลางภาคมหาวิทยาลัย เรากำลังนั่งรถตู้กลับบ้าน แม่โทรมาบอกว่ายายเสียแล้ว เราก็รับทราบ กลั่นน้ำตาไว้ไปร้องไห้บ้าน

ช่วงที่เปลี่ยนมานั่งรถเมล์ เป็นช่วงที่เราง่วง และครึ่งหลับครึ่งตื่น เราได้ยินเสียงยายเรียก ชื่ออยู่สามครั้ง จนเราลืมตาขึ้น ก็รู้ว่าแกคงมาลา

ส่วนเห็นเป็นตัวๆนี่ก็แค่ครั้งเดียว ตอนที่ กำลังก้มลงจะเก็บผ้ายางรองพื้นรถเข้าไปไว้ เป็นจังหวะที่หันมาที่รถพอดี เราเห็นยาย นั่งอยู่ในรถด้านข้างคนขับ สงสัยแกอยากไปด้วย 555

ส่วนผีตนอื่นๆที่ไม่ใช่ญาตินี่นานๆจะเห็นหรือได้ยินเสียงที ล่าสุดที่เห็นก็เห็นในบ้านตัวเอง เป็นเงาทะมึน ยืนอยู่ตรงบันไดบ้านตรงทางเข้าบ้านค่ะ แต่เห็นแว๊บเดียวแล้วหายไป

ส่วนเมื่อคืนก็สดๆ ร้อนๆ เจอเสียงผู้หญิงมาสะอื้นร้องไห้บนหัวเตียงตอนตีสาม ชัดจนเราคิดว่าเราฝันหรือเปล่า พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ยังได้ยินนะ แต่จะแผ่วๆ ลง ไม่เหมือนตอนนอนๆ อยู่

ในใจคิดว่าเค้าคงมาขอความช่วยเหลือ หรือมาขอส่วนบุญ เพราะช่วงนี้ตัวเองกับแม่ไปวัดบ่อยมากค่ะ ทำบุญใส่บาตร สวดมนต์บ่อย เค้าคงอยากได้บุญจากเรา เราเลยคิดใจใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ใส่บาตรไปให้นะ

ขอนอนก่อนละกัน เสียงก็ค่อยๆ หายไป เมื่อเช้าเลยไปทำบุญใส่บาตรให้เค้ามาค่ะ และชวนเค้าไปทำบุญด้วย เค้าจะได้ไม่ต้องมาร้องไห้ขอเราอีก อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะ

ใครจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ค่ะ ของบางอย่างวิทยาศาสตร์มันก็พิสูจน์ไม่ได้ทั้งหมดจริงไหม

ในทางวิชาธรรมกาย มีคำตอบดังนี้

1)  ที่เขียนๆ ถึงกันนั้น คือ ใจ-จิต-วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว 

ที่ว่า “ใจ-จิต-วิญญาณ” เป็นการใช้คำศัพท์เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ  แต่ใจ-จิต-วิญญาณของคนที่ตายไปแล้วนั้น มี “ขันธ์ 5” ครบถ้วน  แต่เป็นกายที่ละเอียดเท่านั้น

2) ตามความเข้าใจของคนกลุ่มหนึ่ง เข้าใจว่า คนตายแล้วต้องเกิดเลย จึงอธิบายว่า “ผี” หรือ “วิญญาณ” นั้น คือการเกิดใหม่สภาพนั้น

ในด้านประสบการณ์จากวิชาธรรมกาย  “ผี” หรือ “วิญญาณ” นั้น ไม่ไปเกิดในทันทีทันใด ส่วนใหญ่จะงงๆ อยู่ว่า ตัวเองเป็นอะไร  คือ ในระยะแรกจะไม่รู้ว่า “ตนเองตายไปแล้ว”

ต้องสักพักหนึ่ง ถึงจะรู้ขึ้นมาว่า ตัวเองตายไปแล้ว

3) การเห็น  “ผี” หรือ “วิญญาณ” นั้น มีโอกาสเห็นได้ ถึงแม้ไม่ได้ฝึกปฏิบัติธรรมแต่อย่างใด  แต่มันเป็นการ “สุ่มเสี่ยง” เฉพาะคนบางคน  เช่น ญาติ เพื่อน ศัตรู เป็นต้น

4) คนทีผูกคอตายนั้น เป็นเพราะ ในอดีตเคยผูกคอตายมาแล้ว กรรมเก่าส่งผลไปอย่างนั้น เพราะ ถ้าไม่อยากตาย ลุกขึ้นยืนก็ไม่ตายแล้ว

5) การที่ผีมาหาคนนั้น ส่วนใหญ่มาขอส่วนบุญ

โดยสรุป

“ใจ-จิต-วิญญาณ”, “ผี” หรือ “วิญญาณ” มีจริง  พวกนี้เมื่อตายไปแล้ว ยังไม่ไปเกิดในภพอื่นๆ  ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กับภพมนุษย์

ในกรณีที่ตายใหม่ๆ คนตายมันจะไม่รู้ตัวว่าตาย จึงพยายามติดต่อกับคนใกล้ชิด  สำหรับพวกที่ตายไปแล้ว และรู้ตัวแล้ว  จิตก็จะไปหาคนที่ใกล้ชิด หรือคนที่รักมากๆ เพราะ เป็นห่วง

ดังนั้น ผีที่เห็นกันเป็นจำนวนมากนั้น จึงเป็นบรรดาญาติ บรรดาเพื่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ 


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น