บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

คนถูกสิง วิญญาณไปไหน

ผมไปพบกระทู้เก่าตั้งแต่ปี 2551 ของคนชื่อ hollowpig เห็นว่า น่าสนใจดี และยังเป็นเรื่องที่คนอยากรู้กันโดยทั่วไป จึงเอามาวิพากษ์วิจารณ์กันพอหอมปากหอมคอ

กระทู้นั้นชื่อ “คนที่วิญญาณอื่นมาเข้าสิง จิตและวิญญาณของเขาหายไปชั่วคราวหรืออย่างไร?” เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

คนที่มีวิญญาณอื่นมาเข้าสิง  จิตและวิญญาณของเขามิได้หายไปไหน  เพียงแต่ตกอยู่ในอำนาจของวิญญาณอื่นชั่วคราว

ขอยกตัวอย่าง เช่น  นายจ้างสั่งลูกจ้างให้ทำอะไร  ลูกจ้างก็ทำตามคำสั่งนั้น 

เรื่องนี้มีปรากฏหลักฐาน  แม้ในหนังสือเรื่อง  The Story of Hypnotism  ซึ่งพิมพ์แพร่หลายในสหรัฐอเมริกา 

แสดงตัวอย่างการสะกดจิตไว้ล่วงหน้าหลายๆ เดือน  เมื่อถึงกำหนดนั้นๆ ผู้ถูกสะกดจิตก็ไปทำตามคำสั่งนั้นทุกประการ

ในเมืองไทยเราก็เคยมีการสะกดจิตให้สุภาพสตรีผู้หนึ่งเคี้ยวพริกขี้หนูเป็นกำมือ แล้วรู้สึกว่าหวาน  ทั้งในขณะเคี้ยวและเมื่อคลายสะกดแล้ว

เป็นการแสดงของสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย  ซึ่งผู้สะกดเป็นนายแพทย์ไทยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม  ไม่พึงปลงใจเชื่อไปด้านเดียวว่าวิญญาณอื่นมาเข้าสิงจริงเสมอไป  เป็นจริงก็มี  เป็นการหลอกลวงของผู้ที่อ้างตนว่ามีวิญญาณมาสิงเพื่อประโยชน์บางอย่างก็มี

คัดจาก  “คำถาม – คำตอบ  ปัญหาทางพระพุทธศาสนา  เล่ม ๒” 
โดย  อ.สุชีพ  ปัญญานุภาพ

คุณ hollowpig ตั้งกระทู้เอง แล้วก็ตอบเองด้วยหนังสือ “คำถาม – คำตอบ  ปัญหาทางพระพุทธศาสนา  เล่ม ๒” ของคุณสุชีพ  ปัญญานุภาพ

ผมลองตรวจดูหนังสือของคุณสุชีพที่ผมมีอยู่  ผมไม่พบเรื่องดังกล่าวในหนังสือเล่มที่ว่า อาจจะเป็นได้ว่า เป็นการพิมพ์คนละปีก็ได้

แต่ลักษณะสำนวนภาษาที่เอามาตอบนั้น ยืนยันได้ว่า เป็นสำนวนของคุณสุชีพ  ปัญญานุภาพจริง

เรามาลองดูความคิดเห็นของพวกที่มาร่วมเสวนาในกระทู้ดังกล่าวกันก่อน

มีคนใช้ชื่อว่า “สุภวิโมกข์” เข้ามาให้ความคิดเห็นแบบสมองหมา ปัญญาควายดังนี้

ไม่มีหรอกวิญญาณที่ไหน อะไร จะมาสิงกันได้

วิญญาณจะเกิดได้ก็ต้องอาศัยอายตนะภายในต่อกับอายตนะภายนอกจึงเกิดวิญญาณ

วิญญาณใครมันก็ต้องเกิดโดยอาศัยรูปนามของคนนั้น

ไอ้ประเภทวิญญาณเป็นดวงๆ เที่ยววิ่งออกไปสิงคนโน้นคนนี้นี่เรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น

แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องการฝึกจิตแล้วใช้อำนาจจิตบังคับกันนี่อีกเรื่อง อาจจะทำได้

พวกสมองหมา ปัญญาควายแบบนี้มีมากในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์  กล่าวคือ ที่เขากำลังพูดกันคือ ดวงวิญญาณ-ใจ-จิต ที่ไปเกิดมาเกิด  ว่าจะไปสิงคนอื่นแล้ว ไอ้ดวงวิญญาณ-ใจ-จิตของคนถูกสิงมันไปอยู่ไหน

สมองหมา ปัญญาควาย “สุภวิโมกข์” เสือกไปพูดถึงเรื่อง “วิญญาณ” ใน เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ”

แล้วเมื่อไหร่มันจะคุยกันรู้เรื่อง  ตลอดทั้งกระทู้ดังกล่าว ไอ้สมองหมา ปัญญาควาย “สุภวิโมกข์” ก็จะแถไปอย่างนั้นตลอด

ผมถึงว่าอยู่เป็นประจำว่า ไอ้พวกห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์นั้น ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพวกสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น

คนที่ค่อนข้างจะรู้เรื่อง และเข้าใจประเด็นได้ดี ซึ่งดีกว่าคุณสุชีพ  ปุญญานุภาพเสียอีก คือ คนที่ใชชื่อว่า “หนอนดาวเรือง”

คุณ “หนอนดาวเรือง” ตอบมา 2 ความคิดเห็นติดๆ กัน ดังนี้

คุณสุภวิโมกข์คะ

การเกิดของวิญญาณ กับการเข้าสิงของวิญญาณ มันคนละเรื่องกันค่ะ อย่าเอามาปนกันค่ะ

ศึกษาให้ดีเสียก่อนค่ะ แล้วค่อยสรุปว่า เป็นไปได้หรือไม่ได้ อย่าด่วนสรุป การด่วนสรุปโดยไม่ทันศึกษาให้ถ่องแท้ หรือไม่มีประสบการณ์ที่เพียงพอ  ไม่ใช่วิธีของพุทธศาสนาค่ะ

จากคุณ : หนอนดาวเรือง   - [ 26 ก.ค. 51 19:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 

อ้อ ฝากถึงคุณ Cho_shang ลองพิจารณาด้วยนะคะ ว่า การ “เข้าสิง” กับการบังคับด้วยพลังจิตนั้น เป็นคนละอย่างกัน

การเข้าสิง ผู้ถูกเข้าสิงจะมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นไปตามอุปนิสัยของวิญญาณที่มาสิงอยู่ทุกประการ

ส่วนการบังคับด้วยจิต หรือสะกดจิต ผู้ถูกสะกดนั้นอาจจะแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากขณะที่สภาวะจิตยังปกติได้ แต่จะไม่เลียนแบบผู้ที่ทำการสะกดจิตอย่างแน่นอนค่ะ

เค้าจะทำตามที่ถูกสะกดให้ทำ ไม่ใช่ว่าผู้สะกดเค้ามีพฤติกรรมยังไง แล้วเค้าจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นแบบนั้น

กรณีของร่างทรงนั้น โดยมากมีอยู่ ๓ อย่าง คือ

๑) มีวิญญาณอื่นมาสิง (ซึ่งเป็นวิญญาณระดับเดียวกับคนเรานี่เอง ไม่เกี่ยวกับเทพ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ)

๒) ย้อมจิตตนเองด้วยอุปาทาน ว่าเป็นร่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ จะมาใช้ร่างตนเองเพื่อสร้างบารมี เมื่อย้อมจิตแล้ว ก็แสดงออกไปตามที่ตนเองคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น จะประพฤติแบบนั้น

เช่น ถ้าย้อมจิตตนเองว่าเป็นร่างของเทพฮินดู ก็พยายามแต่งตัวเลียนแบบเทพฮินดูในโปสเตอร์ที่มาจากอินเดีย หรือจากหนังอินเดีย

ถ้าย้อมจิตตนเองว่าเป็นร่างของเทพจีน ก็จะพยายามเลียนแบบการแสดงอภินิหารของเจ้าจีน เช่น นั่งตะปู เชือดลิ้น เอาไฟลนร่างตัวเอง

ถ้าย้อมจิตตนเองว่าเป็นร่างของอดีตกษัตริย์ ก็พยายามแต่งตัวเลียนแบบอดีตกษัตริย์พระองค์นั้นๆ ตามที่ปรากฏในรูปวาด หรือพระราชานุสาวรีย์ พยายามใช้คำพูดเลียนแบบชนชั้นสูง

อ้อ...โดยเฉพาะร่างทรงสมเด็จพระนเรศวร เดี๋ยวนี้บางตำหนัก มีเกราะใส่แบบในหนังท่านมุ้ยแล้วค่ะ ^ ^

๓) เล่นละครหลอกลวงผู้อื่น ไม่ได้เกี่ยวกับการศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เป็นพิเศษ

ประเด็นที่คุณหนอนดาวเรืองเข้าใจดีกว่า คุณสุชีพ ปุญญานุภาพก็คือ การเข้าสิงกับการสะกดจิตนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

คุณสุชีพ ปุญญานุภาพตอบเหมือนว่าเป็นเรื่องเดียวกัน  สิ่งที่คุณหนอนดาวเรืองไม่เข้าใจก็คือ ๑) มีวิญญาณอื่นมาสิง (ซึ่งเป็นวิญญาณระดับเดียวกับคนเรานี่เอง ไม่เกี่ยวกับเทพ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ) ตรงนี้คุณหนอนดาวเรืองเข้าใจผิด

คุณหนอนดาวเรืองอธิบายไว้ในความคิดเห็นต่อมาว่า

สำหรับวิญญาณตามความเข้าใจของคนไทยทั่วไป ซึ่งหมายถึง ผี, Soul. Spirit และ Ghost นั้น สามารถที่จะเข้าสิงในวัตถุใดๆ ก็ได้ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตค่ะ

แต่ในกรณีที่เป็นสิ่งที่มีชีวิต จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันเท่านั้น ถ้าคนละระดับกัน คือมีธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน เช่น วิญญาณคนจะไปสิงจิ้งจก สิงแมว เป็นไปไม่ได้ค่ะ  วิญญาณคน จะต้องสิงในคนด้วยกันเท่านั้น

และเงื่อนไขที่จะเข้าสิงได้ คือคนที่ถูกสิงจะต้องมีพลังจิตที่อ่อนแอกว่าวิญญาณที่จะเข้าสิง ซึ่งอาจเกิดจากความบกพร่องทางจิตของคนคนนั้นเอง หรือเกิดจากความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ได้ค่ะ

จากประสบการณ์ในการฝึกวิชาธรรมกาย ผมพบว่า พวกสัตว์ต่างๆ นั้น ถูกมารสิงได้ เพราะ ตัวมารเอง ไม่สามารถมาขัดขวางการปฏิบัติธรรมของเราได้ 

ดังนั้น ถ้าเราเลี้ยงสัตว์พวกนี้ไว้ มารมันก็จะเข้าไปสิงสัตว์เลี้ยงของเรา แล้วมาทำให้เราเลิกการปฏิบัติธรรม

สิ่งที่คุณหนอนดาวเรืองไม่เข้าใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในสัตว์ต่างๆ นั้น กายข้างในมัน มันเป็นกาย 17 กาย เช่นเดียวกับคน  คือ สัตว์มีกายหยาบเป็นสัตว์เท่านั้น กายละเอียดก็เป็นคนเหมือนพวกเรา

แต่กายละเอียดของสัตว์มันจะดำ  เพราะ ทำกรรมไว้มาก ดังนั้น  การสิงสัตว์โดนคน สามารถทำได้

ที่นี้ มาถึงการตอบปัญญาที่ว่า “คนที่วิญญาณอื่นมาเข้าสิง จิตและวิญญาณของเขาหายไปชั่วคราวหรืออย่างไร?

การเข้าสิงคนนั้น  ผีหรืออะไรก็ตามต้องเอา “ใจ-จิต-วิญญาณ”  ถ้าพูดให้ละเอียดตามวิชาธรรมกายก็คือ “เห็น-จำ-คิด-รู้” เข้าไปซ้อนกับใจของผู้ถูกสิง จนกระทั่งเป็นดวงเดียวกัน

ดังนั้น “ใจ-จิต-วิญญาณ” ของผู้ถูกสิงก็ยังอยู่ที่เดิม แต่เมื่อถูกซ้อนเป็นดวงเดียวกันแล้ว “ใจ-จิต-วิญญาณ” ของผู้ถูกสิงก็ไม่สามารถสั่งการอะไร 

ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกบงการโดย “ใจ-จิต-วิญญาณ” ของผู้สิง  ผู้สิงอยากกินเหล้า ก็ต้องกิน  ผู้สิงอยากเอามีดแทงตัวเอง ก็ต้องแทง

จะเห็นว่า วิชาธรรมกายสามารถอธิบายเรื่องเหล่านี้ได้ชัดเจน  พวกปริยัติ พวกหมอผี พวกสมองหมา ปัญญาควายทั้งหลาย ไม่สามารถอธิบายได้

พวกนี้ก็ตอบไปตามความเพ้อฝันบ้าๆ บอๆ ของตัวเองเท่านั้น..

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989



1 ความคิดเห็น:

  1. ผมสัมภาษณ์คนเคยโดนสิง หลายคนบอกว่ารู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ควบคุมกายตัวเองไม่ได้

    ตอบลบ