บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กุมารทองนรก



บทความนี้ได้แรงบันดาลใจจากข่าว "ฮือฮา “อั้ม พัชราภา” ไหว้ผีเรียกเงิน ดาราครึ่งวงการเลี้ยงผี" ของ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (16 พฤศจิกายน 2557 11:29 น.)

วิพากษ์วิจารณ์ไปทีละส่วนเลย ดังนี้

ฮือฮา “อั้ม พัชราภา” ไหว้ผีเรียกเงิน ดาราครึ่งวงการเลี้ยงผี

“อั้ม พัชราภา” ใครก็โค่นยาก ฆ่าไม่ตาย เพราะมีของดีติดตัว ล่าสุด ดอดไปบูชาผีกุมารทอง ขอให้ได้พรีเซ็นเตอร์ 10 ล้าน
     
ขยันสรรหาของดีของขลังมาหนุนตัวเองซะจริงจริ๊งสำหรับคนในวงการบันเทิง นอกจากจะขยันไปทำพิธีเสริมดวงตามที่ต่างๆ แล้ว ตอนนี้ก็ยังระบาดไปถึงขั้นเลี้ยงผีกันเลยทีเดียว

บางคนเลี้ยงไว้ป้องกันภัยบอกเหตุด่วนเหตุร้าย แต่บางรายก็สายโหดเลี้ยงไว้ทำร้ายศัตรู
     
แม้แต่ “อั้ม พัชราภา” ดาราซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 สวยทน สวยนาน ก็ยังเอากะเค้าด้วย ล่าสุด ดอดไปไหว้บูชา “กุมารทอง” ของ “แจ็ค” กับ “จิล” อดีตนักร้องดูโอบนให้ได้พรีเซ็นเตอร์สมใจ

ผ่านไปไม่นานเจ้าตัวก็ได้ฟาดค่าโฆษณาไปนับ 10 ล้านบาทสมใจนึก

เรื่องกุมารทองนี้ เป็นไสยศาสตร์นะครับ  ไสยศาสตร์นี้ ในทางศาสนาพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาธรรมกายถือว่าเป็น “วิชาของมาร

ใครไปยุ่งเกี่ยวด้วย  หนทางข้างหน้ามีแต่ความฉิบหาย ตายแล้วไปอบายภูมิแน่นอน 

คนบางกลุ่มบางพวก ส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตก จะแบ่งออกเป็นไสยศาสตร์ขาวกับไสยศาสตร์ดำ แต่จริงๆ แล้ว เป็นมารทั้งหมด

ไสยศาสตร์มีฤทธิ์จริงหรือไม่

ผมในฐานะที่คุ้นเคยกับไสยศาสตร์ หรือไสยเวทย์มาพอสมควร อย่างน้อยๆ ผมก็สัก "สิงห์" ที่ไหล่ของผม ข้างละตัว  ก็น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้พอสมควร

ผมขอยืนยันว่า "ไสยศาสตร์มีฤทธิ์จริง" แต่พวกที่เล่นไสยศาสตร์ ตกนรกกันทุกคน ตกกันลึกๆ ด้วย

แต่ในสภาพปัจจุบันไสยศาสตร์ของจริง มันแทบจะหมดไปจากสังคมไทยแล้ว เหลือน้อยมาก  ด้วยสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือ

1- พวกที่เก่งไสยศาสตร์จริงๆ มักจะหวงวิชา  ไม่ยอมเผยแพร่วิชา คนที่ได้เรียนจึงน้อยลงไปเรื่อยๆ

2- คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ ด้วยอิทธิพลของวิทยาศาสตร์  ไสยศาตร์จะมีฤทธิ์ก็ด้วยความเชื่อของคน เมื่อคนไม่เชื่อ มันก็เสื่อมฤทธิ์ไปโดยอัตโนมัติ

แต่ในกรณีที่เป็นข่าวนี้ ผมว่าเป็นเรื่อง "หลอกแดกเอาเงิน" มากกว่า.. ก็ทำเป็นการค้าถึงขนาดนี้  มันจะเอากุมารทองที่ไหนมามากขนาดนั้น

ที่นี้ ถ้าถามว่า ทำไมคนไทยจึงเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ยิ่งเป็นพวกดาราแล้ว ก็ยิ่งชอบกันมากขึ้น

ขออธิบายดังนี้

คนไทยเราตั้งแต่โบราณนานมา นับถือ "ผี" กันมาก่อน  นับถือกันมาแต่ดั้งแต่เดิม จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

เมื่อศาสนาพรามหมณ์-ฮินดูเข้ามาในสังคมไทย  พี่ไทยเราก็รับไว้  เมื่อศาสนาพุทธเข้ามาในสังคมไทย  พี่ไทยเราก็รับไว้อีก

ศาสนาพุทธไม่ว่าจะมีกี่นิกาย  พี่ไทยเราก็รับไว้ทั้งหมดสิ้น

ดังนั้น  สังคมไทยจึงเป็นสังคม "พุทธ-ผี-พราหมณ์"  ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ที่ดูแล้วจะมีฤทธิเดช  พี่ไทยก็ยอมรับนับถือไปทั้งหมดสิ้น

ที่นี้มามาถึงประเด็นของดารา ที่ทำจะต้องมานับถือเรื่องทำนองนี้

ตรงนี้ต้องย้อนไปที่ "พ่อแก่" หรือ "ฤาษีโคตบุตร"  ที่เคารพบูชาของพวกลิเกกันก่อน

ปู่ฤาษีโคตบุตร เป็นฤาษี ที่บำเพ็ญตบะอยู่ในบริเวณป่าหิมพานต์ ท่านเป็นฤาษี ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามมาก เป็นที่เคารพรัก ของเหล่ามนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย  เมื่อใครได้มาพบเห็นก็จะเกิดความรู้สึก รัก ชอบและหลงใหล ในรูปร่างและหน้าตาของฤาษีตนนี้ทันที

ไม่เว้นแม้แต่ เหล่าเทพนารีบริวารแห่งองค์ พระศิวะมหาเทพ ที่ลงมาเที่ยวเล่นกัน ในเขตของป่าหิมพานต์ ที่พอได้มาพบกับปู่ฤาษีโคตบุตรเข้า ก็เกิดมีความหลงใหล ในรูปร่าหน้าตาของปู่ฤาษีตนนี้ทันที

เทพนารีทั้งหลายเลยไม่ยอมกลับไปเขาไกรลาส ยินยอมอยู่ปรนนิบัติ รับใช้ปูฤาษีโคตบุตร นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ร้อนถึงพระศิวะ มหาเทพเกิดความสงสัยว่าเทพนารี บริวารของพระองค์หายไปไหนกันหมด เมื่อพระองค์ ทรงเล็งญาณดูจึงรู้ว่า เหล่าเทพนารี มาอาศัยอยู่กินกับฤาษีโคตบุตรนั่นเอง 

พระศิวะจึงเสด็จลงมาจากเขาไกรลาส  ตรงมาหาฤาษีโคตบุตร   ด้วยความขุ่นเคืองพระทัย ว่าฤาษีโคตบุตร ลบหลู่ และไม่เคารพยำเกรงในพระองค์ พระองค์ทรงใช้ตรีศูร ตัดเศียรของฤาษีโคตบุตร ขาดออกจากกันในทันที โดยมิได้สอบถามเรื่องราว ว่าใครผิด ใครถูก 

ด้วยฤาษีโคตบุตร มีฤทธิ์เดชพอตัว จึงยังไม่เสียชีวิตในทันที ฤาษี จึงทูลเล่าความจริงให้พระศิวะทรงทราบ ตามความจริงทั้งหมด เมื่อพระศิวะ ทรงทราบความจริงดันนั้นแล้ว ก็ทรงรู้สึก เสียใจ ต่อการกระทำของตนเอง ยิ่งนัก ที่ด่วนใจร้อนไม่สอบถาม ไตร่สวนเรื่อราวให้ดีเสียก่อน 

ดังนั้นพระศิวะท่านจึงได้ใช้ฤทธิ์แห่งพระองค์ที่มี ทรงต่อเศียรของฤาษีโคตบุตร เข้ากับ ร่างเดิม ฤาษีโคตบุตร จึงกลับฟื้นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และเพื่อเป็นการลบล้างความผิดพลาดของพระองค์ที่ทำไปโดยไม่ยั้งคิด

พระองค์จึงมีพระศิวะโองการออกไปว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มนุษย์คนใด ที่ได้นำรูปเศียรของฤาษีโคตบุตร ไปเคารพ สักการะบูชา มนุษย์ผู้นั้น จะมีใบหน้าที่งดงาม มีเสน่ห์    เป็นที่รักของผู้ที่ได้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือเทวดาทั้งหลาย  ก็จะมีความงามเฉกเช่นเดียวกันกับฤาษีโคตบุตร

นับตั้งแต่นั้นมา เศียรของฤาษีโคตบุตร จึงได้ถูกนำมากราบไหว้สักการะบูชา เป็นที่เคารพ ของเหล่าศิลปิน นักแสดงทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง โขน ลิเก ลำตัด เพลงอีแซว ฯลฯ โดยเศียรฤาษีโคตบุตร จะถูกเรียกขนานนามว่าเศียรพ่อแก่ มาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

ในเมื่อดารา เหล่าศิลปิน หรือกลุ่มที่ทำมาหากินอยู่กับเรื่องทำนองนี้ เคารพบูชา "เศียรพ่อแก่"  จึงมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อ "ไสยศาสตร์" ได้ง่ายขึ้นไปอีก

ประการสำคัญก็คือ การที่จะเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาประชาชนนั้น  พวกดารานักร้องไม่มีความมั่นใจในตนเองว่า จะสามารถทำให้ประชาชนชื่นชอบได้ตลอดไปหรือไม่

เมื่อไม่มีความมั่นใจในตนเอง ก็ต้องพึ่งกับไสยศาสตร์อย่างที่เป็นข่าวขึ้นมานี่แหละ

โดยสรุป

ไสยศาสตร์มีฤทธิ์จริง แต่ในปัจจุบัน "ของจริง" ไม่ค่อยมีแล้ว  มีแต่พวกหลอกลวงเอาเงินมากกว่า   ในกรณีกุมารทองที่เป็นข่าวนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องหลอกลวงมากกว่าอย่างอื่น

พวกที่ไปนับถือ เคารพบูชาไสยศาสตร์นั้น  ถ้าพวกไสยศาสตร์นั้น เป็นของจริง ตายไปก็ต้องไปอบายภูมิแน่นอน

ในกรณีที่ได้ "ของ" ไสยศาสตร์ปลอม  แนวโน้มที่จะไปอบายภูมิก็มีมากกว่า ที่จะไปสวรรค์ เพราะ จิตใจโน้มเอียงไปทางนั้น

อย่างไรก็ดี  อาชีพของบรรดาศิลปิน นักแสดงทั้งหลายนั้น  มันก็มีโอกาสยากที่จะมาปฏิบัติธรรม เพราะ อาชีพดังกล่าวมีแนวโน้มที่ไปสร้างกิเลศให้ประชาชน


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989


1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 ธันวาคม 2557 เวลา 12:07

    เหมาตุ๊กตาราคาถูกๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ยิ่งแพง ยิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ตอบลบ