บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

เทวดามีเลือดเนื้อหรือไม่


คำถามนี้ เป็นคำถามที่พัวพันกันมา 2 กระทู้  คนถามมีวัตถุประสงค์เพื่อจะเอาไปเขียนนิยาย 


สาเหตุที่นักเขียนในอนาคตท่านนี้ ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพราะท่านไปอ่านกระทู้ที่ชื่อว่า “สงสัยค่ะ เปรต เทวดามีกี่ขันธ์” แล้วจึงเกิดข้อสงสัยขึ้น เพราะ เดี๋ยวจะไปเขียนนิยายได้ไม่สมจริง

กระทู้ “สงสัยค่ะ เปรต เทวดามีกี่ขันธ์” กับ “อยากทราบว่าที่บอกว่าเทวดา ประกอบด้วยขันธ์ ๕ ที่มีความละเอียดกว่ามนุษย์ แล้วเทวดามีเลือดเนื้อมั้ยคะ” นั้น  คนที่มาให้ความคิดเห็นส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิมของคนในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ คือ

1- สมองหมา ปัญญาควาย อยากอวดโง่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เท่าไหร่นัก
2- หน้าใหม่ อยากแสดงความคิดเห็น
3- แก้โรคจิตในตัวเอง

อ่านจนจบแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ความรู้เป็นชิ้นเป็นอันกลับไป  บางคนมึนหนักเข้าไปอีก 

เรามาลองดูซิว่า บรรดาสมองหมา ปัญญาควายเหล่านั้น ให้ความคิดเห็นอะไรไว้บ้าง

ขอบอกก่อนว่า ความคิดเห็นที่ดีๆ มันก็มี แต่มันน้อยมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ คนตอบไม่มีความรู้จริง

ในกระทู้ “สงสัยค่ะ เปรต เทวดามีกี่ขันธ์”  มีคำถามดังนี้

เรียนถามท่านผู้รู้ค่ะ คือตอนนี้ดิฉันเริ่มสนใจการฝึกสติปัฏฐาน 4 ก็เลยสงสัยว่า เปรต เทวดา พรหม มีกี่ขันธ์กันแน่

เจริญวิปัสสนาสติปัฏฐาน 4 ได้หรือไม่ และสามารถบรรลุมรรค ผล นิพพานได้เหมือนมนุษย์หรือปล่าวคะ   

ดูยังไงคะว่ามีกี่ขันธ์ (ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องขันธ์ 5 เท่าไรเลย)

ที่สงสัยเพราะว่า ตอนดิฉันฝึกหัดนั่งวิปัสสนาสติปัฏฐาน4  มันปวดขาทรมานมาก ก็เลยคิดว่าถ้าเทวดามาเจริญสติปัฏฐาน 4 คงไม่ปวดขานะคะ เพราะว่า ไม่มีสังขารเหมือนมนุษย์

อย่างนี้เทวดาก็ไม่ต้องมีเวทนาเหมือนมนุษย์ แล้วอย่างนี้เทวดาจะปฏิบัติสติปัฏฐาน4 ได้หรือ

ผมอ่านข้อคำถามของกระทู้แล้ว บอกตรงๆ ดีใจพิลึก  เพราะ ผมมีข้อสันนิษฐานของผมว่า สาวกของพระพม่านี่ ส่วนใหญ่เป็นพวกสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น 

คำถามดังกล่าว ตอบข้อสันนิษฐานของผมได้เป็นอย่างดี   พวกสาวกของพระพม่านี่ หาคนฉลาดได้ยากจริงๆ

คนที่มาตั้งกระทู้นี้ ไม่เคยรู้เลยว่า “พวกสติปัฏฐาน 4” นั้น ห้ามเห็นอะไรทั้งหมด  ในเมื่อไม่ยอมเห็นอะไรกันแล้ว  จะเห็นเปรต เทวดา พรหม ฯลฯ ได้อย่างไร

ในเมื่อไม่เห็นแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่า พวกท่านเหล่านั้นมีขันธ์เท่าไหร่

ในกระทู้ “สงสัยค่ะ เปรต เทวดามีกี่ขันธ์”  มีผู้ใช้นามแฝงว่า “wichaphon_me” โชว์ฟอร์มตอบแบบยาวเหยียด แบบน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 2554  คือ ไม่มีผักบุ้งเลย  เนื้อหาอันยาวเหยียดนั้น สรุปได้ดังนี้

สัตว์  เมื่อจำแนกตามจำนวนขันธ์ที่มี จะมี 3 ประเภทคือ

1. พวกที่มี รูปขันธ์ อย่างเดียว ได้แก่ อสัญญีสัตว์ (อย่างเดียว)
2. พวกที่มี 4 ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์  สัญญาขันธ์  สังขารขันธ์  วิญญาณขันธ์ ได้แก่ อากาสานัญจายตนพรหม วิญญาณัญจายตนพรหม อากิญจัญญายตนพรหม เนวสัญญานาสัญญายตนพรหม
3. พวกที่มีครบทั้ง 5 ขันธ์ ได้แก่ สัตว์ต่าง ๆ ทั้งหมด นอกเหนือจาก ข้อ 1 และ 2 เปรต เทวดา มีทั้ง 5 ขันธ์ครับ

คุณ wichaphon_me ได้ยกพระสูตร และมีคำอธิบายต่อท้ายดังนี้

นางเทพธิดามี รูปขันธ์ เพราะปรากฏต่อท่านมหาโมคคัลลานะ ได้
นางระลึกถึงบุพกรรม (กรรมเก่า) ได้ แสดงว่า นางมีสัญญาขันธ์
นางเสวยสุขในทิพย์วิมาน แสดงว่า นางมี เวทนาขันธ์
เวทนามีได้ ต้อง มีวิญญาณก่อน แสดงว่า นางมี วิญญาณขันธ์ (ในปฏิจจสมุปบาทบางแบบ กล่าวไว้ว่า มีรูป กระทบตา จึงเกิดจักษุวิญญาณ การประจวบแห่งธรรมทั้ง 3 เรียกว่า ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา)
ส่วน สังขารขันธ์ก็มี แต่ด้วยความสามารถที่มีอยู่อย่างจำกัด ผมไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ครับ

คำตอบของ คุณ wichaphon_me  นั้น อ่านและจำมาตอบทั้งสิ้น ไม่ได้มีความรู้จริงอันใด  เหตุผลก็เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล  เป็นเหตุผลบ้าๆ บอๆ ทั้งสิ้น

ที่สำคัญก็ที่เน้นสีแดงไว้นั้น  ผมสงสัยว่า เมื่อรู้ตัวอยู่แล้ว  มันมาตอบเขาทำไม

ประการสำคัญก็คือ ไม่ได้ตอบคำถามของเจ้าของกระทู้เลยที่ว่า “แล้วเทวดามีเลือดเนื้อมั้ยคะ

มีความคิดเห็นที่น่าสนใจ คือ ความคิดเห็นของคุณพุทธจิต ท่านเขียนไว้ ดังนี้

สัตว์ที่มีขันธ์ 5 ขันธ์ ได้แก่

1. หมู่สัตว์ทุกประเภทที่เกิดในกามภพ ได้แก่ ภพอันเป็นที่เกิดและอาศัยอยู่ของหมู่สัตว์ผู้ยังมีใจยึดติดเพลิดเพลินอยู่กับกามคุณ  5  ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส หมู่สัตว์ที่เกิดอยู่ในกามภพมีทั้งสุคติภูมิ ( คือโลกมนุษย์  1  และสวรรค์  6) และทุคติภูมิ (คือ อบายภูมิ  4 ได้แก่ นรก เปรต ยักษ์ สัตว์เดรัจฉาน)

2.  รูปพรหมที่อาศัยอยู่ในรูปภพทั้งหมด ยกเว้น รูปพรหมชั้นอสัญญีสัตว์ รูปภพคือภพอันเป็นที่เกิดและที่อาศัยของรูปพรหมทั้ง  4 ภูมิ ซึ่งแบ่งตามระดับจิตที่เข้าถึงฌาน  4 ระดับคือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และ จตุตถฌาน (แต่ละภูมิแบ่งเป็นภูมิย่อยภูมิละ  4 ชั้น รวมเป็นรูปพรหม  16 ชั้น)

สัตว์ที่มีขันธ์  1 ขันธ์ ได้แก่ รูปพรหมชั้นอสัญญีสัตว์ ที่มีแต่รูปขันธ์เพียงขันธ์เดียว อสัญญีสัตว์แปลตามศัพท์ว่า สัตว์ที่ไม่มีสัญญา โดยความหมายคือ มีแต่รูปขันธ์ ไม่มีนามขันธ์ (นามขันธ์ดับชั่วคราว แต่เมื่อหมดอายุขัยของการเป็นอสัญญีสัตว์แล้วไปเกิดในภพภูมิอื่น นามขันธ์ก็จะทำงานสืบเนื่องต่อไปในวัฏสงสาร) แต่ถึงกระนั้นก็จัดเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นพรหมประเภทที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า พรหมลูกฟัก ดำรงอยู่เหมือนฟักหรือน้ำเต้า ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น

อสัญญีสัตว์ คือ บุคคลที่ได้จตุตถฌาน แต่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในนามขันธ์ เพราะพิจารณาว่ารูปขันธ์แม้จะไม่เที่ยงแต่ก็สามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานานกว่านามขันธ์ซึ่งดำรงอยู่ได้เพียงขณะจิตเดียวก็เปลี่ยนแปลงไป

ถือเป็นสิ่งไม่เที่ยงอย่างยิ่ง จึงกลับยินดีพอใจในรูปขันธ์ ด้วยเหตุที่กระทำไว้ในใจและยึดถืออยู่อย่างนี้ เมื่อตายหรือดับจิตลงในขณะที่จิตอยู่ในจตุตถฌาน จึงเกิดมาเป็นอสัญญีสัตว์

สัตว์ที่มีขันธ์  4 ขันธ์ ได้แก่อรูปพรหมที่อาศัยอยู่ในอรูปภพทั้งหมด เป็นพรหมที่ไม่มีรูปขันธ์ มีแต่นามขันธ์ 4 ขันธ์

อรูปพรหม คือบุคคลที่ได้อรูปฌาน แต่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในรูปขันธ์ เพราะพิจารณาว่ารูปขันธ์ คืออายตนภายนอก อันประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นสื่อในการรับรู้ของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ จึงรังเกียจรูปขันธ์ ด้วยเหตุที่กระทำไว้ในใจและยึดถืออยู่อย่างนี้ เมื่อตายหรือดับจิตลงในขณะจิตที่อยู่ในอรูปฌาน จึงไปเกิดในอรูปภพ

ปัญหาของคำตอบที่เอามาให้อ่านข้างบนก็คือ ทำไมสัตว์ในภพ 3 จึงมีขันธ์ 5 บ้าง ขันธ์ 4 บ้าง  บางจำพวกก็เหลือขันธ์เดียว

ขันธ์ที่เหลือไปไหนกันหมด ..............

คำอธิบายที่พยายามให้เหตุผลนั้น ก็มั่วมาทั้งสิ้น ที่กล่าวว่า มั่วมาทั้งสิ้นนั้น ก็เพราะว่า เป็นคำตอบที่ “มั่ว"

คำตอบในทางวิชาธรรมกาย มีดังนี้

1)  สัตว์ในภพ 3 มีขันธ์ 5 ทั้งสิ้นไม่มีข้อยกเว้น

2)  พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ก็มีขันธ์ 5 แต่เรียกเป็น “ธรรมขันธ์” แทน เพราะเป็นนิจจัง สุขัง อัตตาแล้ว ไม่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอย่างสัตว์ในภพ 3

ธรรมขันธ์นั้น พัฒนาขึ้นมาจากขันธ์ 5  อรูปพรหมเป็นขั้นตอนหนึ่งของการพัฒนา ก็ต้องมีขันธ์ 5 ด้วย 

3)  รูปขันธ์ของมนุษย์ (รวมถึงสัตว์ในโลกทั้งหมด) มีเลือดมีเนื้อ เพราะ การเกิดในโลกนี้  ส่วนรูปขันธ์ของเทวดา รูปพรหม อรูปพรหม รวมถึงสัตว์ในนรก เป็นของกายละเอียด

กายละเอียดที่ว่านั้น มีความละเอียดไม่เท่ากัน ที่ละเอียดน้อยกว่า ก็เรียกกายหยาบกว่า  แต่ก็ละเอียดกว่ากายมนุษย์ หรือกายของสัตว์ในโลก

4)  กายมนุษย์มี 18 กาย  กายมนุษย์หยาบเท่านั้น ที่มีเลือด มีเนื้อ กายละเอียดอื่นๆ ไม่มีเนื้อ ไม่มีเลือด

5) ในการปฏิบัติธรรมของวิชาธรรมกาย พบเห็นกายละเอียดต่างๆ อยู่เป็นประจำ จึงยืนยันได้ว่า กายต่างๆ ไม่ว่าอยู่ในภพใด  มีขันธ์ 5 ทั้งสิ้น..

โดยสรุป เทวดามีขันธุ์ 5 เหมือนกับมนุษย์ แตกต่างกันที่เทวดามีกายที่ละเอียดกว่า และประการสำคัญเลยก็คือ เทวดาไม่มีกายเนื้อ 

มนุษย์มีกายทั้งหมด 18 กาย  ส่วนเทวดามีกายทั้งหมด 17 กาย

เลือดเนื้อนั้น อยู่กับกายเนื้อ ในเมื่อเทวดาไม่มีกายเนื้อ ดังนั้น เทวดาจึงไม่มีเลือดเนื้อ

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น