บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ผีต้องการที่อยู่หรือไม่




วันนี้ มาวิพากษ์วิจารณ์กระทู้ “ผีต้องการที่อยู่ไหมคะ?”  ปัญหาที่ถามนั้นดูง่ายๆ  แต่คงตอบยากพิลึก เพราะ มีคนมาให้ความคิดเห็นเพียง 7 ความคิดเห็นเท่านั้น

ในฐานะที่ผมจบปริญญาเอกด้วยทุนโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นทุนที่ต้องการสร้างนักวิจัยให้กับประเทศไทย  ผมมีคำตอบที่ง่ายมาก

เราต้องทำวิจัยสัมภาษณ์ผี ว่าคุณผีๆ เหล่านั้น ต้องการที่อยู่หรือไม่

อย่างไรคำตอบที่ว่าง่ายมากนั้น ชักจะมีปัญหาในทางปฏิบัติเสียแล้ว ในกระบวนการทำวิจัย

บางคนอาจจะเดาไปว่า ปัญหาน่าจะเกิดจากแบบสอบถาม   ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผม แบบสอบถามไม่ยาก 

เราจะถามแบบมีคำตอบ 2 ตัวเลยก็ได้ เช่น  ท่านต้องการบ้านอยู่หรือไม่  คำตอบก็เป็น ใช่ หรือไม่ใช่  ท่านต้องการบ้านขนาดไหน  ฯลฯ

บางคนอาจจะสงสัยไปว่า  ปัญหาน่าจะเกิดจากการเก็บข้อมูล  ใครมันจะกล้าไปสัมภาษณ์ผี  สภาพการณ์ก็น่าจะเป็นว่า คนเก็บข้อมูลพอเห็นผีเท่านั้น  ก็วิ่งกันไปคนละทาง 2 ทาง ลืมเป้าหมายกันไปหมด

เรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของวิชาธรรมกาย   เพราะ วิชาธรรมกายนั้น เราสามารถเรียกผีมาสัมภาษณ์ได้ง่ายๆ 

อย่างคนนิสัยดีๆ เขาทำกัน ก็บอกผีว่า  “มาให้สัมภาษณ์หน่อย อยากกินอะไรเดี๋ยวทำบุญให้เลย” รับรองผีมาให้สัมภาษณ์กันเพียบ

บอกรายละเอียดสักนิดหนึ่ง  เราก็ไปนิมนต์พระมารอไว้เลย  ถ้าผีมันให้สัมภาษณ์ปุ๊บ เราก็ถวายอาหารพระเลย...  เรียกว่า เอาใจผีกันเต็มที่

ถ้าเป็นคนโหดๆ แบบผม  ผมก็จะใช้จักรแก้วไปกวาดมาให้หมด  ผีตัวไหนหัวแข็งไม่มา ก็เอาจักรแก้วตัดแขน ตัดขามีเสียก่อน แล้วค่อยเอาตัวมาสัมภาษณ์

แล้วความยากมันอยู่ตรงไหน...   ความยากมันมีอย่างน้อย 2 ประเด็น คือ

1- เราไม่รู้ว่าประชากรผี มันมีจำนวนเท่าไหร่  เราจึงไม่สามารถคำนวณกลุ่มตัวอย่างได้ว่า จะใช้กลุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ดี

แล้วผีจริงๆ แล้วมันมีกี่ประเภทก็ไม่รู้  ปัญหานี้ก็คือ ปัญหาความน่าเชื่อถือของงานวิจัย

2- ไม่รู้จะขอทุนวิจัยที่ไหน  งานวิจัยที่เอาเงินทำเองนั้น มันไม่น่าเชื่อถือ ขอ ผศ. รศ. ไม่ได้ว่าอย่างนั้นเถอะ 

ถึงจะรวยขนาดทักษิณยังอาย ก็ทำวิจัยด้วยเงินตัวเองไม่ได้  ต้องไปขอทุนจากแหล่งทุนทั้งหลาย

ถ้าเราเอา Proposal ที่ต้องการรู้ว่า “ผีต้องการที่อยู่หรือไม่”  ไปเสนอแหล่งทุน  คงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญาเป็นแน่

ในเมื่อเราทำวิจัยในเรื่องนี้ไม่ได้  เราก็มาดูความคิดเห็นของคนในกระทู้ดีกว่า แต่ก็อย่าไปคาดหวังนัก เพราะ ไอ้พวกนี้ มันไม่ใช่ผี  มันเป็นคน  แต่มันมีคิดผิดๆ ว่า มันรู้เรื่องของผีดี มันก็เลยมาตอบ

ความคิดเห็นที่ 1

ถามว่า ผีต้องการที่อยู่มัย ต้องการครับ แต่ให้ถามว่าเราจะสรรให้เค้าได้มัย ตอบว่าไม่ได้ เพราะว่า เราอยู่ในอาจจะอยู่ในโลกเดียวกัน ก็จริง แต่คนละมิติกัน สื่อสารกันไม่ได้

เหมือนคลื่นวิทยุคนละความถี่กัน ถ้าไม่ใช้ความถี่ของตัวเองก็รับไม่ได้ หมายถึงว่า โลกของใครก็ของมันครับ มองไม่เห็นกัน ..... เทวดาก็คนละความถี่กับมนุษย์อีก

คนนี้ มันตอบมั่ว มีทั้งถูกทั้งผิด  ผีต้องการที่อยู่แน่ๆ  ตัวอย่างก็ภาพด้านบน  ศาลพระภูมินั้นก็คือ บ้านผี  แสดงว่าคนสร้างบ้านให้ผีอยู่ได้

นอกจากนั้นแล้ว คนก็สามารถติดต่อพูดคุยกับผีได้ ไม่งั้นมันจะมีคนถูกผีหลอกหรือ..... การที่ผีมาหลอกคนนั้น ส่วนใหญ่แล้ว ผีต้องการสื่อสารกับคน  แต่คนมันไม่เปิดใจยอมรับเลย 

เห็นผีแล้ววิ่งไว้ก่อน  พ่อสอนไว้หรือไงก็ไม่รู้  ไม่รู้หรือไงว่า ผีมันผิดหวังสุดๆ

ความคิดเห็นที่ 2

ผีมีขันธ์ ๕ ครบ ...ต้องการที่อยู่เหมือนคนเรา  แต่พวกนี้บางประเภทสร้างที่อยู่เองไม่ได้  ต้องไปอิงแอบ สิงสู่ อาศัย ตามที่ต่างๆ เช่น  ต้นไม้  บ้านเรือน  ถ้ำ ฯลฯ ... แต่บางประเภทก็สามารถบันดาลที่อยู่ที่อาศัยขึ้นมาเองได้

ในบ้านของคุณ จขกท. ก็คงมีพวกนี้แอบอิงอาศัยอยู่ แต่คุณมองเขาไม่เห็นเอง ..

ต้นไม้ทุกๆต้น  มีพวกนี้อาศัยหมดทุกๆ ต้น ไม่มีว่างสักต้น แม้ต้นเล็กๆ ก็มี  จึงไม่ควรตัดต้นไม้  ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ  ..ถ้าตัดต้นไม้ก็คือไปทำลายที่อยู่ของพวกนี้

คนนี้ มีเมียเป็นผีหรือไงไม่ทราบ มันถึงได้รู้ละเอียดลออไปถึงขนาดนั้น...  อย่างไรก็ดี ความคิดเห็นของคนนี้ ก็มีส่วนถูกเหมือนกัน

ความหมายของคำว่า “ผี” ในภาษาไทยดั้งเดิมนั้น  มีความหมายกว้างมาก  คือ รวมเอาเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงๆ เข้าไปด้วย  

ความหมายของผี ในปัจจุบันนั้น  ส่วนใหญ่จะหมายถึง ดวงวิญญาณของคนตายที่ยังไม่ไปเกิด แล้วก็ยังมาให้คนได้เห็นอยู่  คือ ไม่รวมเทวดา 

ในทางวิชาธรรมกาย ถ้าจัดประเภทแบบนี้ ก็คงจะง่ายขึ้น คือ บรรดากลุ่มพวกที่ไม่มีกายเนื้อ เราก็เรียกว่า “พวกกายละเอียด”  

พวกกายละเอียดที่เป็นผีนั้น เป็นคนละชั้นกับพวกกายละเอียดที่เป็นเทวดา  ทำนองนั้น

ถ้าจัดกันแบบนี้  ผีก็ไม่สามารถบันดาลที่อยู่เองได้  ต้องให้คนสร้างให้  ไม่อย่างนั้นก็ต้องเลียนแบบคนในยุคโบราณ 

กล่าวคือ คนโบราณก็ไปอยู่ตามถ้ำซึ่งมีอยู่แล้ว  ผีเขาเป็นกายละเอียดก็ไปอยู่ตามต้นไม้ ฯลฯ  แต่ต้นไม้ทุกต้นไม่ได้มีผีอยู่นะ   คุณผีเขาเลือกประเภทเหมือนกัน

ต้นตำแยรับรองไม่มีผีอยู่แน่นอน  เพราะ มันคัน.... เชื่อผม...

ความคิดเห็นที่ 5

ถ้ามีบุญมากพอ ก็จะมีวิมานของตัวเองเกิดขึ้น มีตั้งแต่ซ้อนอยู่ในบ้านคน ในต้นไม้ บนอากาศและบนสวรรค์

ถ้าบุญไม่มากก็ไม่มีที่อยู่ครับ พอไม่มีที่อยู่ ก็ลำบากเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่นอาหารการกิน เพราะอาหารทิพย์จะเกิดในวิมาน

ผีเร่ร่อนจะต้องคอยดูดกินโอชารสในอาหารที่เขาทิ้งไว้ ซึ่งไม่เคยอิ่มครับ แต่หิวแค่ไหนก็ไม่ตาย

ความคิดเห็นนี้ มันก็ผิดๆ ถูกๆ คือ คำตอบมันถูก แต่ตรรกะมันผิด

อาหารทิพย์ที่เกิดในวิมาน ไม่ได้เป็นเพราะวิมาน  แต่เป็นเพราะบุญบารมีของเทวดา  และอาหารก็ไม่ได้อยู่ในวิมาน แต่เทวดาเขาจะกินเลย  วิมานไม่มีโต๊ะกินข้าว  ไม่มีตู้กับข้าว

สำหรับพวกผีทั้งหลาย ที่กินโอชารสในอาหารที่คนไปทำตามสามแพร่ง ฯลฯ นั้น  ไม่ใช่เขาจะไม่อิ่มเพราะอาหาร  แต่มันไม่อิ่มเพราะกรรมชั่วของเขา

แล้วผีมันก็ไม่ตายอยู่แล้ว  ผีบ้านมันหรือไงที่จะอดตายได้....


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989



2 ความคิดเห็น:

  1. +16 ใครหนอขยันมากดให้

    ที่มีคนเคยบอกว่า ตุ๊กตา หุ่น ที่รูปร่างเป็นคน ผีจะมาอยู่เสมอ ไม่ใช่เฉพาะพวกตุ๊กตากุมาร ตุ๊กตานางรำ แต่พวกหุ่นลองชุดตามร้านเสื้อผ้า หุ่นไล่กา ตุ๊กตาเด็กเล่น ก็มีหมด แต่อยู่ไม่ถาวรถ้าไม่ไปจุดธูป อันนี้จริงไหมครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้เดา "ไม่น่าจะจริง" เพราะ คนที่เล่านั้น มันก็ไม่รู้จริง มันก็เดาเอาเหมือนกัน แต่มันชอบอย่างนั้น ก็เดาออกไปอย่างที่เล่ามา

    พวกผีของมารนั้น มันก็ต้องอยู่กับพวกหมุ่ของมัน หุ่นตามร้านผ้า ตามห้าง มันจะมาอยู่ทำไม

    ตอบลบ