นางสิริ กรินชัย หรือคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย กับนายบุญมี ด้วงนิล
หรืออาจารย์บุญมี ด้วงนิล เพื่อนของผมนั้น
ไม่รู้จักกันมาก่อน ทั้งในขณะที่ทั้งคู่มีชีวิตอยู่
และในขณะที่ทั้งคู่ตายไปแล้ว
สิ่งที่เหมือนกันของคนทั้งคู่ก็คือ ไปอบายภูมิทั้งคู่
คุณแม่ดร.สิริ
กรินชัย ถึงแม่มรณกรรมเมื่อวันศุกร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๖.๑๙ น.
ส่วนอาจารย์บุญมี ด้วงนิล ถึงแก่มรณกรรมเมื่อต้นเดือน กรกฎาคม 2555
นี้เอง
คุณแม่ดร.สิริ
กรินชัย ตามประวัติของท่าน ท่านสนใจปฏิบัติธรรม และสอนสายยุบหนอพองหนอมาตลอด
จนกระทั่งเสียชีวิต เรียกว่า อยู่ในเส้นทางของพระพุทธศาสนาตรงเผง
ไม่เบี่ยงเบนออกนอกแนวเลย
อาจารย์บุญมี ด้วงนิล เพื่อนของผมนั้น ท่านสอนแผนกโลหะ
ผมสอนแผนกภาษาไทย โดยปกติของชีวิตการสอน เราจึงไม่เคยเจอกัน
สถานที่ที่เราไปพบกัน สังสรรค์เฮฮาก็คือ สนามเปตอง
นักกีฬาเปตองนั้น ร้อยทั้งร้อย
ก็ต้องบำรุงกำลังด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจารย์บุญมีกับผมนั้น เป็นคอเบียร์ลีโอด้วยกัน
เท่าที่คบกับอาจารย์บุญมีมา ผมจำได้ว่า เมื่อพบปะสังสรรค์กันทีไร
เราก็จะต้องมีเรื่องดื่มแอลกอฮอล์กันทุกครั้ง
เมื่อผมเป็นวิทยากรสอนธรรมะแล้ว เรื่องแอลกฮอล์ก็ลดลงไป
แต่เราก็ยังพบปะเฮฮาสังสรรค์กันเหมือนเดิม
ผมก็หันไปดื่มเป๊ปซี่ดีที่สุดแทน
เรื่องที่จะต้องตรวจสอบว่า นางสิริ กรินชัยตายแล้วไปไหนนั้น เพราะ
นางสิริ กรินชัย ไม่ว่าจะไปสอนที่ไหน มักจะโจมตีวิชาธรรมกายไปด้วยเสมอ
โดยกล่าวว่า วิชาธรรมกายเป็นเพียงสมถะเท่านั้น
ไม่สามารถไปนิพพานได้
ยุบหนอพองหนอเป็นวิปัสสนาสายเดียว ที่ไปนิพพานได้ ไปเร็วเสียด้วย
ขอบอกก่อนว่า ยุบหนอพองหนอไม่ได้เป็นวิปัสสนากรรมฐาน สติปัฏฐาน 4
ก็ไม่ได้เป็นวิปัสสนากรรมฐาน
(อยากรู้ก็หาอ่านในบล็อกของผมนี่แหละ)
สำหรับอาจารย์บุญมีนั้น ผมตั้งใจจะช่วยท่านอยู่แล้ว เพราะ
เป็นเพื่อนกัน ถึงแม้เพื่อนบุญมี ชอบเลี้ยงเบียร์ผมก็ตาม
ผลปรากฏว่า นางสิริ กรินชัย ไปอบายภูมิ เพราะ
โจมตีวิชาธรรมกายอยู่ตลอดเวลา แต่ท่านไม่ได้เป็นทุกข์มากนัก เพราะ
บารมีจากการสอนปฏิบัติธรรมช่วยได้บ้าง
ปกติผู้อยู่ในอบายภูมิร่างกายท่านมักจะออก “ดำๆ” แต่นางสิริ กรินชัย ค่อนข้างผ่องใส
แต่อย่างไรก็ตาม
ท่านก็ตกอบายภูมิ
สำหรับเพื่อนบุญมีของผมก็ตกอบายภูมิเช่นเดียวกัน แต่ผมขอให้คุณลุงการุณย์ ช่วย คุณลุงก็สอนวิชาธรรมกายให้
บอกกรรมวิธีนิดหนึ่ง
เราต้องเดินวิชา 18 กายโดยอนุโลมปฏิโลมจนกว่ากายจะใส พวกเราๆ ก็ 7
เที่ยวขึ้นไป แล้วเอากายธรรมของเราไปที่ตีนเขาพระสุเมรุ
เรียกชื่อของเขามา
เขาก็มา อยากซักถามพูดคุยก็ทำได้
(ทำแบบวิชาธรรมกาย) แล้วก็สอนเขา
คุณลุงบอกว่า คนตายสอนง่ายมาก
โดยสรุป เพื่อนบุญมีของผม ท่านไปอยู่ในอบายภูมิพักหนึ่ง
เมื่อผมให้ลุงช่วยแล้ว ท่านก็ไปสวรรรค์ชั้นหนึ่งแล้ว
ผมถามลุงว่า “ลุงครับ
อาจารย์บุญมีรู้หรือไม่ว่า ผมเป็นคนบอกให้ลุงช่วย”
คุณลุงหลับตาไปถามอาจารย์บุญมี แล้วตอบว่า “รู้
เขายังบอกว่า โชคดีที่ ดร. มนัสช่วยเขา ไม่งั้นแย่เลย”
กรณีศึกษาครั้งนี้สอนว่า
1) อย่าโจมตีวิชาธรรมกาย
ไม่ว่าท่านจะทำความดีมาอย่างไร ไปอบายภูมิสถานเดียว
2) จงคบวิทยากรเป็นเพื่อน เพราะ ขนาดดื่มเหล้า เมายา
วิทยากรยังช่วยท่านให้ขึ้นสวรรค์ได้
-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989
"จงคบวิทยากรเป็นเพื่อน เพราะ ขนาดดื่มเหล้า เมายา วิทยากรยังช่วยท่านให้ขึ้นสวรรค์ได้ "
ตอบลบ555 แหม นานๆที จะเห็นอารมณ์ขัน อาจารย์ ดร.มนัส ครับ
ทราบได้อย่างไรคะ ว่าท่านไปอบายภูมิ
ตอบลบวิชาธรรมกายสามารถเดินวิชาไปอบายภูมิได้ เราทำวิชาไปดูตัวท่านได้เลย หรือจะเรียกมาถามก็ได้
ลบโปรดลบสิ่งที่ท่านเขียนโดนปราศจากข้อเท็จจริงด้วยเถิด
ตอบลบคุณจะพิสูจน์อย่างไร หรือมีเหตุผลอะไรที่ว่า "ผมเขียนไปไม่จริง" ผมมีหลักฐานครบ คุณต้องการพิสูจน์หรือเปล่า
ลบการกล่าวร้ายผู้ปฏืบัติดีปฏิบัติชอบตามรอยพระพุทธเจ้ามาตลอดชีวิตและท่านก็อุทิศชีวิตเผยแผ่คำสอนและวิธีปฏิบัติการให้หลุดพ้นจากทุกข์ให้กับคนมากมายจนตัวตายกับอีกคนที่ใช้ชีวิตเกลือกกลั้วอยู่กับอบายมุขเพียงปฏิบัติธรรมด้วยวิธีที่ต่างกันแต่คนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตั้งแตอดีตจนปัจจุบันกลับตกอบายภูมิมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี การพูดเช่นนี้เป็นเพียงแคทิฐิความชอบกับไม่ชอบมาบดบังปัญญามากกว่าเท่านั้นเอง
ตอบลบ